กรมปศุสัตว์จับมือสาธารณสุข แก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาร่วมกับนานาชาติในการประชุมระดับชาติว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพ ครั้งที่ 2
21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ร่วมประชุมระดับชาติว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพ ครั้งที่ 2 กำหนดระหว่างวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย Dr. Hanan H. Balkhy รองผู้อำนวยการอนามัยโลกด้านการดื้อยาต้านจุลชีพ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนจากกระทรวง หน่วยงานภาครัฐ สภาวิชาชีพ องค์การสากล สมาคม ผู้แทนภาคการศึกษา นักวิจัย ภาคประชาชน องค์การระหว่างประเทศ เช่น WHO, FAO, OIE, USAID, UNEP และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 250 ราย
สำหรับการดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance: AMR) เป็นปัญหาสำคัญด้านการสาธารณสุขในระดับโลกและประเทศไทยได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้จึงได้มีแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ คือ “แผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564” ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในแผนดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญเรื่องเชื้อดื้อยาในระดับนโยบาย และมีการดำเนินงานขับเคลื่อนการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมด้านการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างถูกต้องสมเหตุผลในสัตว์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนยุทธศาสตร์ฯ อันเห็นได้จากการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้แสดงความมุ่งมั่นร่วมกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยา ในที่ประชุมครั้งที่ 2 ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก หรือ OIE ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 31 ตุลาคม 2561 ณ ประเทศโมรอคโค
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานประสานหลักในยุทธศาสตร์ที่ 4 “การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง” มีเป้าประสงค์ คือ การลดการใช้ยาในสัตว์ลง 30 % มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านคณะอนุกรรมการ การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพในภาคการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างบูรณาการ ได้แก่ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ภาคการศึกษา สัตวแพทยสภา สมาคมต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบการและภาคเอกชนต่างๆ ภายใต้หลักสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health Approach)
สำหรับภาคเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้
1. ภาคปศุสัตว์ มีกรมปศุสัตว์เป็นแกนประสาน การดำเนินงาน เช่น ยกเลิกการใช้ยาปฏิชีวนะทุกชนิดในวัตถุประสงค์เพื่อการเร่งการเจริญเติบโต (Growth Promoter) การออกกฎหมายและกำกับดูแลอาหารสัตว์ที่ผสมยา (Medicated Feed) ที่การใช้ยาปฏิชีวนะผสมลงในอาหารสัตว์ต้องได้รับการสั่งใช้ยาโดยสัตวแพทย์ (Prescription) มีมาตรการให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องสมเหตุผล (Prudent use) ตามหลักมาตรฐานฟาร์มหรือที่เรียกว่า การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice; GAP) รวมถึงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ “ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ” ควบคู่ไปกับการติดตามและเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพที่มีการตรวจวิเคราะห์เชื้อดื้อยาที่เป็นมาตรฐานสากล เป็นต้น
2. ภาคการประมง มีกรมประมงเป็นแกนประสาน การดำเนินงาน เช่น ได้มีการจัดทำแนวปฏิบัติในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การฝึกอบรมนักวิชาการประมงและเกษตรกรด้านการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการพัฒนาบุคลากรด้านการกำกับดูแลด้านกฎหมาย ด้านการจัดการสุขภาพสัตว์น้ำ และการป้องกันโรคสัตว์น้ำตามหลักการความปลอดภัยทางชีวภาพ
3. ภาคมาตรฐานด้านการเกษตร มี มกอช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ภายใต้การรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรตามหลัก GAP ทั้งในสัตว์บก สัตว์น้ำ และพืช โดยได้ดำเนินการร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในผลิตภัณฑ์สินค้าเหล่านั้น นอกจากนี้ มกอช. ยังเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานในการกำหนดมาตรฐานของ Codex ด้านเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพที่เป็นมาตรฐานของ Codex อีกด้วย
4. ภาคสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน มีสัตวแพทยสภาและภาคีคณะสัตวแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบหลัก การดำเนินงาน เช่น มีโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในโรงพยาบาลสัตว์ โดยผนวกการเรียนการสอน เรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผลเข้าในมาตรฐานของสถานพยาบาลสัตว์ที่เป็นแหล่งฝึกงานของนักศึกษาสัตวแพทย์ และจัดทำคู่มือหลักการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์เลี้ยง รวมทั้งมีคณะกรรมการขับเคลื่อนการใช้ยาอย่างสมเหตุผลสำหรับหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต เพื่อศึกษาสถานการณ์และเพื่อติดตามความก้าวหน้าการจัดการเรียนการสอนการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต
5. ภาคการเพาะปลูก มีกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก มีการศึกษาสถานการณ์ ผลกระทบและการตกค้างของยาต้านจุลชีพจากการใช้ยาต้านจุลชีพ ในการป้องกันกำจัดโรคกรีนนิ่งในส้ม พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้มาตรการทางกายภาพ (เช่น การรื้อถอนต้นส้มและปลูกใหม่) แทนการใช้ยาต้านจุลชีพในการจัดการโรคกรีนนิ่งในส้ม
กระทรวงเกษตรฯ ร่วมมือกับทุกภาคส่วน เฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ได้กำหนดไว้ เน้นการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างถูกต้องสมเหตุผล ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรมีความปลอดภัย (Food Safety) เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ภาคการผลิตและธุรกิจด้านการเกษตรของประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี