พ่อเฮียตี๋ ที่รมควันเสียชีวิต 5 ศพ หนีหนี้สิน ยังติดใจไม่เชื่อว่าสาเหตุการตาย ขณะที่เจ้าหนี้ของเฮียตี๋ ต่างพร้อมใจนำหลักฐานและข้อมูลมาลงบันทึกประจำวัน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเหตุสลดใจของนายกัณตภณ หรือเฮียตี๋ อายุ 40 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัวจนเสียชีวิตรวมกันถึง 5 ศพ พร้อมสุนัขอีก 6 ตัว ภายในห้องพบยานอนหลับชนิดกล่อมประสาทวางอยู่ในห้อง และมีเตาอั้งโล่ที่ใช้จุดรมควันเหลือเพียงกองเถ้าถ่านวางอยู่ในห้องน้ำซึ่งเปิดประตูเอาไว้ด้วย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. ของกลุ่มเจ้าหนี้ของนายกัณตภณหรือเฮียตี๋ จำนวนกว่า 10 คน ได้รวมตัวกันไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก เพื่อนำหลักฐานและเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับการกู้เงินของเฮียตี๋ไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานและเพื่อความบริสุทธิ์ใจว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้น นำโดยนายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติพี่น้องของเฮียตี๋ และให้ยืมเงิน กล่าวว่า ตนเองนั้นได้นำเงินมาลงทุนร่วมกับนายกัณตภณ หรือตี๋ และให้ยืมเงินมาโดยตลอด ซึ่งตนเองนั้นก็โน้ตเอาไว้และมีการคืนเงินเมื่อไร นอกจากนี้น้องสาวของฮียตี๋ เอง ก็ไปขอยืม มีหลักฐานการยืมเงินอีกกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งตนเองและพร้องเพื่อนที่เป็นเจ้าหนี้เฮียตี้อยากให้สบายใจจึงนำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่
ขณะนี้นายธงชัย หรือ ตี๋สั้น อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายกัณตภณ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน พร้อมขอเอกสาร เพื่อนำไปประกอบในการรับศพทั้งหมดที่นิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช และนำไปทำเพ็ญกุศล จากนั้นนายธงชัย กล่าวว่า ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อสาเหตุการตายของลูกชายและครอบครัว ซึ่งอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งตนเองถึงแม้ว่าจะแยกครอบครัวกันอยู่ แต่ก็ติดต่อกันตลอดเวลา คนภายนอกจะไม่รู้เรื่อง ลูกชายมีปัญหาเรื่องหนี้สิน 1-2 ล้าน ตนเองก็หยิบยื่นให้ เพราะการทำธุรกิจก็ต้องมีเงินหมุนเวียนเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมาบอกว่าลูกชายติดสิ้นนับสิน 10 ล้านบาท ตนไม่เชื่อแต่อย่างใด อีกทั้งสาเหตุการตายก็ไม่ชัดเจน จะต้องมีการผ่าพิสูจน์จากแพทย์นิติเวช ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากลูกสาวก็จบปริญญาโท จากลอนดอน สายภาษา ส่วนลูกชายก็จบเตรียมทหาร ก็คิดว่าไม่น่าจะคิดสั้นเช่นนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วจำนวน 3 ปาก ซึ่งก็ได้ข้อมูลมามากพอสมควร ว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นไปกู้เงินจากธนาคารใดบ้าง ส่วนเงินกู้นอกระบบนั้นก็เป็นกลุ่มของเพื่อนฝูงที่รู้จักกันจำนวนรวมถึงมากกว่า 10 ล้านบาท มีการเสียดอกเบี้ยต่อเดือนถึงหลักแสน จึงอาจจะทำให้หมุนเงินทางธุรกิจหลายอย่างที่เพิ่งลงทุนไปไม่ทัน อาทิ เต็นท์รถยนต์มือสอง สถานตรวจสภาพรถเอกชน ร้านกาแฟ ธุรกิจส่งน้ำแข็ง เป็นต้น จึงมุ่งไปที่ประเด็นการฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สิน
ส่วนผลชันสูตรของแพทย์ระบุว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มาก อีกทั้งในห้องที่เกิดเหตุมีการนำเอาถุงพลาสติกปิดช่องระบายอากาศเอาไว้ เพื่อมิให้ก๊าสคาร์บอนไดซ์ออคไซด์ จากเตาอั้งโล่ ออกไปด้านนอกได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เสียชีวิตตามธรรมชาติทั่วไปแผ่นหลังจะมีเลือดตกสีดำคล้ำ แต่ถ้ามีสารพิษเข้าสู่ร่างกายที่แผ่นหลังจะมีเลือดตกเป็นสีแดงสด จึงสอดคล้องกับหลักฐานทางนิติเวชในที่เกิดเหตุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี