28 กุมภาพันธ์ 2563 จากกรณีที่มีกระแสข่าวทางโลกออนไลน์และโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ยืนยันถึงกรณีคนไทยที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่น ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภายหลังไม่แจ้งประวัติการเดินทางในวันแรกที่เข้ารับการรักษา กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย เป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่น จากเมืองฮอกไกโด ซึ่งเป็น ปู่-ย่า และหลานชายวัย 8 ขวบ ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด ตามที่ นพ.สุขม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวเมื่อเวลา 11.30 น. (26 ก.พ.63) ที่ผ่านมา
ทำให้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 40 ราย จนมีข่าวแพร่กระจายผ่านกลุ่มไลน์ผู้ปกครองของโรงเรียนอนุบาลชื่อดังแห่งหนึ่งเมืองราชบุรี “ว่าพบเด็กจากโรงเรียนดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรี และถูกกักกันเพราะมีอาการตัวร้อน คาดว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ covid-19 และผู้ปกครองได้เดินทางไปเที่ยวที่เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นที่ตกเป็นข่าว” สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาผู้ปกครองที่ต่างเดินทางมารับบุตรหลานกลับจากโรงเรียน เพราะหวั่นติดเชื้อไวรัส covid-19
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เดินทางไปยังโรงเรียนดังกล่าว คือโรงเรียนอนุบาลราชบุรี เขตเทศบาลเมืองราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี พบกับนางปราณี ทัยคุปต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลราชบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงข่าวลือที่เกิดขึ้น จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ปกครองที่หวั่นเกรงว่าลูกจะติดเชื้อไวรัส
โดยนางปราณี ทัยคุปต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลราชบุรี ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า จากที่มีการแชร์ส่งต่อข้อมูลทางไลน์ ว่าพบเด็กที่โรงเรียนต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส covid-19 นั้นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นข่าวปลอมและเป็นการเข้าใจผิดของ ผู้ที่ไปพบเห็นขณะที่เด็กของโรงเรียนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรี ด้วยโรคท้องเสีย ซึ่งขณะที่ผู้ปกครองพาไปโรงพยาบาล เด็กนักเรียนยังคงแต่งชุดนักเรียนไปและที่ปกเสื้อมีตราของโรงเรียน ขณะที่กำลังคัดกรองและมีการซักประวัติ เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ตรวจเช็คอย่างละเอียด คาดการว่าผู้ที่ส่งข้อมูลแชร์ทางไลน์นั้น เห็นว่าเป็นเด็กของโรงเรียนจึงรีบส่งไลน์ต่อๆกัน และมีครูส่งมารายงานให้ตนเองทราบ ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นเด็กคนละคนกัน พร้อมทั้งขอให้ลบเพราะหวั่นผู้ปกครองแตกตื่นจนกลายเป็นเรื่องที่บานปลาย
นางปราณี กล่าวต่อว่า จากการสอบถามครูประจำชั้นของเด็ก ซึ่งอยู่ชั้น ป.2 พบว่ามีผู้ปกครองได้เดินทางไปยังเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นจริง แต่ไป – กลับ คนละสายการบิน กับ ปู่-ย่า ที่ติดเชื้อไวรัส โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 15 – 20 ก.พ.63 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคุณแม่ของเด็กวัย 8 ขวบ โดยที่ลูกไม่ได้เดินทางไปด้วย อีกทั้งแม่และลูกไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดกัน ซึ่งเด็กมีอาการปกติไม่ได้เจ็บหรือป่วยแต่อย่างไร แต่ทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแล พร้อมทั้งติดตามอย่างใกล้ชิดแล้วซึ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือกังวลใจว่าจะได้รับเชื้อ
เนื่องจากเด็กไม่เข้าค่าย ไม่พบมีไข้สูงเกิน 37.5 ไม่พบอาการไอ หรือเจ็บคอ รวมไปถึงผู้ปกครองด้วย ส่วนเด็กที่ไปรักษาที่โรงพยาบาลราชบุรีตามที่เป็นข่าวนั้น อยู่ห้องเดียวกัน เด็กมีอาการท้องเสียครูประจำชั้นจึงให้ผู้ปกครองมารับไปโรงพยาบาล และไปตรวจรักษาพยาบาลได้ซักประวัติโดยละเอียด ซึ่งก็ไม่เข้าค่ายของการติดเชื้อ แพทย์ได้ตรวจและยืนยันพบว่าเป็นโรคท้องเสีย แพทย์ให้กลับบ้านได้ ซึ่งเป็นเด็กคนละคนกัน โดยที่เด็กก็จะกลับเข้ามาเรียนตามปกติในวันจันทร์ และทางโรงเรียนก็ไม่ได้สั่งปิดโรงเรียนแต่อย่างไร
นางปราณี กล่าวย้ำว่า จากข่าวลือที่มีการแชร์กันนั้นไม่เป็นเรื่องจริง ยืนยันที่โรงเรียนไม่พบเด็กหรือครูผู้สอน ติดเชื้อไวรัส covid-19 อีกทั้งทางโรงเรียนมีมาตรการดูและและป้องกันการรับมือของโรคไว้ covid-19 อย่าง 100% เด็กรายใดที่มีอาการไอคุณครูประจำชั้นจะให้ใส่หน้ากากอนามัย รวมไปถึงครูผู้สอนด้วยอีกทั้งเรายังมีการประชุมครูและบุคคลากรของโรงเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือประจำอยู่แล้ว และวันนี้เราจะมีการบิ๊กคลีนนิ่ง ทำความสะอาดโรงเรียนกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง รวมไปถึงเป็นการป้องกันเชื้อไวรัสด้วย และขอให้งดแชร์ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือข่าวปลอม เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ปกครอง
ด้านนายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้เผยแพร่ประกาศคำสั่งที่ได้ลงนาม วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ผ่านหน้า facebook ส่วนตัว ชื่อชยาวุธ จันทร เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid 19) พร้อมระบุข้อความว่า “จว.ราชบุรี ออกประกาศขอความร่วมมือจากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท งดเดินทางไปประเทศหรือเขตปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ covid-19 จำนวน 11 ประเทศ และประเทศที่มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงการรับและแพร่เชื้อดังกล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ย้ำว่า หากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้มาขออนุญาตที่ผู้ว่าฯ โดยตรงเป็นรายๆไป ในส่วนของประชาชน ทางจังหวัดไม่ได้ห้ามสามารถเดินทางไปได้ตามปกติ แต่ขอให้ มีการระมัดระวังตัวในการการติดเชื้อด้วย ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน แต่หากทบทวนได้ควรจะทบทวนเลื่อนหรืองดเดินทาง ไปก่อนในระยะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี