กรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งระบบสหกรณ์ พัฒนาระบบการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยดูแลความเป็นอยู่ประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสหกรณ์ภาคการเกษตร ควรมุ่งเน้นการรวบรวมผลผลิตการเกษตร เพื่อดูแลความเป็นอยู่ให้เกษตรกร พร้อมส่งเสริมการผลิตสินค้าปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ในสหกรณ์ ผลิตสินค้าที่ตลาดต้องการ เพื่อสร้างรายได้
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างการร่วมงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2563 ณ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ถนนพิชัย กรุงเทพฯว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันสหกรณ์แห่งชาติซึ่งในปีนี้ครบรอบ 104 ของการสหกรณ์ไทย นับตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการนำวิธีการสหกรณ์เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพให้กับประชาชน ปัจจุบันมีสหกรณ์จำนวนกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์มีนโยบายในการยกระดับสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง โดยจะดำเนินการใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การบริหารจัดการของสหกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องระบบการควบคุมภายใน ซึ่งคณะกรรมการสหกรณ์และฝ่ายจัดการต้องร่วมกันวางแผนการจัดการตัวองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพ ลดปัญหาเรื่องข้อบกพร่อง 2.การพัฒนาด้านธุรกิจของสหกรณ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาชีพและรายได้ของสมาชิก ดังนั้น สหกรณ์ควรทำธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการและเอื้อต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ โดยกรมจะมุ่งเป้าไปที่สหกรณ์ภาคการเกษตร สนับสนุนให้รวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคามีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และการเก็บชะลอผลผลิตเพื่อยืดอายุหรือทยอยระบายผลผลิตสู่ตลาด ซึ่งจะช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรไม่ให้ตกต่ำ
ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ จะมุ่งเน้นการสร้างระบบการตรวจสอบภายในของสหกรณ์ ให้ความรู้กับสมาชิก ได้เข้ามามีส่วนในการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานสหกรณ์ของตัวเอง เนื่องจากสมาชิกเป็นเจ้าของสหกรณ์ ซึ่งกรมจะให้ความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเงินให้กับสมาชิกผ่านทางออนไลน์ ให้สมาชิกได้เรียนรู้ว่าสหกรณ์ต้องเปิดเผยข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อให้สมาชิกได้รับรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในสหกรณ์ และในส่วนของการกำกับดูแลสหกรณ์ซึ่งเป็นบทบาทของกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปดูแลระหว่างที่สหกรณ์มีการประชุมใหญ่ คอยให้คำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง และหากพบข้อบกพร่องเกิดขึ้นในสหกรณ์ ต้องมีแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายลุกลามถึงตัวสมาชิกหรือสหกรณ์อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ ทั้งภาคออมทรัพย์และภาคการเกษตร เนื่องจากปัจจุบันหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กรมจึงมีโครงการเพื่อส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์ เพื่อให้มีเงินเหลือพอชำระหนี้คืนสหกรณ์ และใช้กลไกสหกรณ์เข้ามารองรับนโยบายของภาครัฐ ส่งต่อความช่วยเหลือไปถึงสมาชิกสหกรณ์และประชาชนทั่วไป ซึ่งขณะนี้ กรมดำเนินการตามนโยบายของรมว.เกษตรฯ เช่น สร้างซูเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์ ให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าและผลผลิตสู่ผู้บริโภค และจะผลักดันให้สหกรณ์ผลิตสินค้าปลอดภัย โดยตั้งเป้าว่าจะมีสหกรณ์กว่า 100 แห่งเข้าสู่กระบวนการผลิตสินค้าปลอดภัยและสินค้าเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน เป็นการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่สนใจจะกลับไปประกอบอาชีพการเกษตร มีคนสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 7,500 คน โดยกรมจะดึงสหกรณ์แต่ละพื้นที่เข้ามาร่วมดูแลแนะนำให้ความรู้และช่วยเหลือการประกอบอาชีพ และหวังว่าคนกลุ่มนี้จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการสหกรณ์ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันผู้บริหารสหกรณ์ส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 65-70 ปี จึงต้องเตรียมความพร้อมและสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเป็นผู้บริหารสหกรณ์ภาคการเกษตรซึ่งทั้งหมดนี้คือทิศทางขับเคลื่อนนโยบายเพื่อพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็งในปี 2563 นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี