กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตร การส่งเสริมอาชีพที่จะช่วยสร้างรายได้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้เกษตรกรได้ ซึ่งสหกรณ์ต้องเพิ่มบทบาทการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิก สนับสนุนให้ผลิตสินค้าที่ตลาดต้องการและสหกรณ์ ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิต พร้อมประสานตลาดปลายทางมารับซื้อในราคาที่เป็นธรรม
นางสาวไพรินทร์ สุขเล็ก สหกรณ์จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่าทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิจิตร ร่วมขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้ปลดหนี้ช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ โดยร่วมมือกันสามฝ่ายทั้งภาครัฐหรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิจิตร สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร และภาคเอกชนคือบริษัทศราวุฒิการเกษตร ซึ่งเป็นเอกชนที่รับซื้อพริกซอสป้อนโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ทำโครงการส่งเสริมอาชีพปลูกพริกซอสเพื่อเพิ่มรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์ โดยมีสหกรณ์ 3 แห่งเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ สหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน จำกัด สมาชิก 82 ราย พื้นที่ปลูกพริกซอส 212 ไร่ สหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด สมาชิก 17 ราย พื้นที่ 36 ไร่และสหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด สมาชิก 10 ราย พื้นที่ 19 ไร่
ก่อนเริ่มโครงการ สหกรณ์จะคัดเลือกสมาชิกที่มีความพร้อม สหกรณ์จะสนับสนุนเงินทุนและปัจจัยการผลิตและควบคุมคุณภาพ โดยบริษัทผู้รับซื้อจะส่งเจ้าหน้าที่ด้านการเกษตรเข้ามาให้ความรู้ในการเพาะปลูกพริก ตั้งแต่เตรียมแปลงปลูก ด้วยการปรับหน้าดินแล้วยกร่อง ใช้ระบบน้ำหยดวางท่อฝังในดินบริเวณโคนต้นพริก จากนั้นจึงเตรียมเพาะต้นกล้า การใส่ปุ๋ย การดูแลรักษาไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ระหว่างการเพาะปลูก ซึ่งต้องใช้เวลา 3 เดือน จนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และใช้ระบบน้ำหยดต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 25,000 บาท/ไร่ซึ่งฤดูกาลผลิต ที่เหมาะสมกับการปลูกคือตั้งแต่เดือนกันยายน - ตุลาคม และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2 รุ่นใน 1 ฤดูกาลผลิต โดยจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนธันวาคม จนถึงเมษายนของทุกปี และพริกซอสเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย เหมาะสำหรับการปลูกหลังฤดูทำนา แต่ละปีเอกชนต้องการพริกเป็นวัตถุดิบผลิตซอสประมาณ 2 ล้านกิโลกรัม ซึ่งการส่งเสริมสมาชิกสหกรณ์ปลูกพริกเพื่อสร้างรายได้ ทางเอกชนจะใช้ระบบ Contact Farming ทำข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้าและรับซื้อในราคาประกัน พริกพันธุ์ศรีสุดารับซื้อ 14 บาท/กก. ส่วนพันธุ์ซุปเปอร์ฮอท รับซื้อ 33 บาท/กก. ผลผลิตพริกเฉลี่ยประมาณ 5,000 - 12,00 กก./ไร่ เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายพริก 56,000 บาท/ปี หรือ 140,000 บาทต่อฤดูกาลผลิต ซึ่งนับว่ารายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการทำนาจากเดิมที่เกษตรกรทำนาปลูกข้าวนาปี ปีละ 1 ครั้ง หลังเสร็จสิ้นฤดูทำนาเกษตรกรจะออกไปรับจ้างทั่วไป ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน ทั้งกู้เงินจากสหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกและกู้หนี้นอกระบบ เมื่อเกษตรกรมีรายได้ไม่พอใช้หนี้ก็กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ มีหนี้ค้างชำระของสมาชิกจำนวนมาก ส่งผลต่อสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ด้วย แต่เมื่อมีโครงการส่งเสริมการปลูกพริกสร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์นี้เข้ามา ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงมากขึ้นและยังมีเงินเหลือพอส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์
ด้านนายอัครวินท์ เกษวิริยะการ ประธานสหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน จำกัด เปิดเผยว่า สหกรณ์ได้ประชุมสมาชิกเพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดประกอบอาชีพ ปลูกพืชผักที่ตลาดต้องการเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการที่ปลูกแต่ข้าวอย่างเดียวมาตลอด และเมื่อสหกรณ์เข้าร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพปลูกพริกซอสกับทางสหกรณ์จังหวัดพิจิตรและบริษัทเอกชน ได้วางแผนในการผลิตและการตลาดอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดราคารับซื้อที่ชัดเจน ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารับซื้อพริกทุกเมล็ดที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกษตรกรมั่นใจที่จะลองหันมาปลูกพริกส่งให้สหกรณ์รวบรวมและขายกับบริษัทเอกชน ซึ่งทำแล้วคุ้มกับการลงทุน ความเป็นอยู่ของสมาชิกดีขึ้น มีผลกำไรและรายได้เพิ่มขึ้น ทยอยใช้หนี้คืนสหกรณ์ได้ครบทุกราย เป็นโครงการที่ช่วยปลดล็อก หนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ได้อย่างดี และโครงการส่งเสริมปลูกพริก นอกเหนือจากการเกษตรกรที่มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านในชุมชนด้วย เพราะเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว จะจ้างแรงงานในพื้นที่เป็นคนเก็บพริกและเด็ดขั้วพริก โดยให้ค่าจ้างกก.ละ 2 บาท แต่ละวันชาวบ้านจะมีรายได้จากการเก็บพริกเฉลี่ย 300- 400 บาท
อนาคตสหกรณ์ยังมีแผนขยายการส่งเสริมสมาชิกปลูกพืชผักชนิดอื่นที่ตลาดต้องการ ทั้งกะหล่ำปลี มะเขือยาว มะเขือพวง โดยวางแผนการผลิตลงมือปลูกในเดือนมิถุนายน เพื่อเก็บผลผลิตเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม จากนั้นเมื่อตัดกะหล่ำปลีเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเลี้ยงปลูกแขนงอีก 20 วัน ก็จะตัดแขนงขายได้อีก จากนั้นเดือนสิงหาคม สหกรณ์จะเริ่มประชุมสมาชิก เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกพริกซอสต่อทันที ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี
ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ สหกรณ์และเอกชน ในการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ จะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้นกว่าเดิมแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของสหกรณ์ เมื่อหันกลับมาทำธุรกิจการรวบรวมผลผลิตการเกษตรเป็นภารกิจหลัก และดูแลเกษตรกรตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงจัดหาตลาดมารับซื้อ นอกจากจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกดีขึ้นจากเดิมแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาของสมาชิกที่มีต่อสหกรณ์กลับคืนมาอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี