จากสถานการณ์ปัจจุบันที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการรักสุขภาพ หันมาสนใจบริโภคพืชผักผลไม้มากขึ้นดังนั้น การทำให้พืชผักผลไม้ปลอดสารพิษ จึงเป็นแนวทางสำคัญเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ การส่งเสริมให้เกษตรกรมาใช้สารชีวภัณฑ์ (คือ ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ผลิตหรือพัฒนามาจากสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์) ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช จึงเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับเกษตรกรเพื่อใช้ทดแทนสารเคมี และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรที่มุ่งมั่นจะทำการเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุ์วิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จึงมีการขยายผลนำผลงานวิจัย ไวรัสเอ็น พี วี (NPV) เพื่อใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชได้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของฟาร์มออร์แกนิค สร้างความปลอดภัยให้เกษตรกรและผู้บริโภค
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่า งานวิจัยด้านสารชีวภัณฑ์ หรือ Biocontrol เป็นงานที่ ไบโอเทค สวทช. ดำเนินการมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว โดยมุ่งเน้นที่จะใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ ที่สามารถควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืชหลายชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ราบิวเวอเรีย โปรตีนวิป (VIP) จากแบคทีเรีย และไวรัส เอ็น พี วี (NPV) ปัจจุบันทีมนักวิจัยของไบโอเทค สวทช. พยายามบูรณาการความเชี่ยวชาญของหลายสาขา เพื่อเพิ่มศักยภาพของการนำสารชีวภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุดและที่สำคัญเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือการอุบัติใหม่ของแมลงศัตรูพืช ที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ เนื่องจากไวรัส NPV ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีองค์ความรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสค่อนข้างน้อย ส่งผลให้การนำไวรัสไปใช้ประโยชน์ค่อนข้าง
จำกัด โดยปัจจุบันเริ่มมีแนวคิดที่จะนำ เทคโนโลยีด้านจีโนม เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส NPV ที่มีคุณสมบัติต่างๆ เพื่อที่จะได้มาซึ่งข้อมูลว่า ยีนส่วนใดของไวรัสมีบทบาทสำคัญต่อการเป็นไวรัสที่มีการเข้าทำลายแมลงสูง ซึ่งองค์ความรู้นี้จะสามารถทำให้นักวิจัยเลือกสายพันธุ์ไวรัสตัวใหม่ ๆ มาพัฒนาเป็นไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ยังไม่มีไวรัส NPV ที่สามารถใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชที่อุบัติใหม่ในประเทศไทย การใช้องค์ความรู้ดังกล่าวจะสามารถหาไวรัส NPV ที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีลองผิดลองถูกเพื่อหาสายพันธุ์เหมือนในอดีต ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วต่อไป
ด้าน นายสัมฤทธิ์ เกียววงษ์ นักวิชาการอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีไวรัสเพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืช ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ไวรัส NPV ย่อมาจาก Nuclear Polyhedrosis Virus เป็นไวรัสที่เกิดโรคกับแมลงชนิดหนึ่งจากหลายชนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำลายแมลงศัตรูพืชได้สูงสุด เหมาะสมที่จะนำมาใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืช เนื่องจากมีความเฉพาะเจาะจงต่อแมลงเป้าหมาย มีความปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด โดยปัจจุบัน ไบโอเทค สวทช. มีการพัฒนาผลิตไวรัส NPV ของแมลงศัตรูพืชที่สำคัญทางเศรษฐกิจ 3 ชนิด ได้แก่ ไวรัส NPV ของหนอนกระทู้หอม ไวรัส NPV ของหนอนเจาะสมอฝ้าย และไวรัส NPV ของหนอนกระทู้ผัก โดยการใช้สารชีวภัณฑ์ไวรัส NPV จะเริ่มต้นจากกลไกการก่อโรคที่ไวรัส NPV จะทำให้แมลงเป็นโรคและตาย โดยการที่ตัวอ่อนของแมลงต้องกินไวรัสที่ปะปนอยู่บนใบพืชอาหาร เมื่อไวรัสเข้าสู่กระเพาะอาหาร ผลึกโปรตีนที่ห่อหุ้มอนุภาคของไวรัสจะถูกย่อยสลายโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของแมลงที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อนุภาคไวรัสจะหลุดออกมาและเข้าทำลายเซลล์กระเพาะอาหาร ลักษณะอาการโรคเริ่มต้นจากการที่หนอนจะลดการกินอาหารลง เมื่อไวรัสไปทำลายเซลล์กระเพาะอาหาร อนุภาคของไวรัสจะขยายพันธุ์ทวีจำนวนมากขึ้นกระจายเข้าสู่ภายในลำตัวของแมลง เข้าไปทำลายอวัยวะส่วนต่าง เมื่อเซลล์เหล่านี้ถูกทำลาย การทำงานของอวัยวะจะเสียไป ทำให้หนอนตายในที่สุด
เกษตรกรหรือผู้สนใจสารชีวภัณฑ์ NPV สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ ไบโอเทค สวทช. โทรศัพท์ 0-2564-6700 ต่อ 3305
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี