กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน 41 จังหวัดทั่วประเทศ รับมือพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ขณะที่พิษณุโลก พายุฝนซัดเสาวิทยุหักโค่นทับบ้านเรือน ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง โคราชวิกฤติหนักอ่างเก็บน้ำแห้งสนิท ผู้ว่าฯเร่งมือแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า กรมอุตุฯ ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบถึงวันที่ 5 มีนาคม 2563)” ฉบับที่ 6 ว่าในช่วงวันที่ 4-5 มีนาคม 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พายุฤดูร้อนได้พัดถล่มพื้นที่หมู่ 5 ต.พระธาตุขิงแกง อ.จุน จ.พะเยา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 15 หลังคาเรือน ได้รับความเสียหาย โดยส่วนใหญ่หลังคาบ้านถูกพายุพัด โดยทางฝ่ายปกครอง ได้เร่งเข้าสำรวจผลกระทบ และเข้าช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
ร.ต.อดุลย์ พรหมวาทย์ นายอำเภอจุน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต.พระธาตุขิงแกง เผยว่า ได้เข้าสำรวจความเสียหายและเร่งให้การช่วยเหลือโดยซ่อมแซมหลังคาบ้านที่ถูกพายุเสียหาย แต่เกรงว่าจะมีพายุฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาอีกในช่วงนี้ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือแล้ว
ที่ จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากคืนวันที่ 3-4 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดพายุฝนตกอย่างหนัก และเกิดลมกระโชกแรงในเขตตัวเมืองพิษณุโลก นานนับชั่วโมง ได้ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าว เกิดน้ำท่วมขัง หม้อแปลงระเบิดใกล้แยกต้นหว้า หน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส ท่าทอง จนกระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ฤทธิ์ของพายุฝน ยังส่งผลให้เสาวิทยุกระจายเสียง สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งสูงกว่า 105 เมตร หักโค่น ทับสถานีฯ และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง โดยมีบ้านพักหลังหนึ่งมีผู้สูงอายุนอนพักผ่อนอยู่ โชคดีที่เสาดังกล่าวโค่นทับหลังคาบ้านแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พิษณุโลก ได้สำรวจความเสียหายและช่วยเหลือแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ว่า ที่ จ.นครราชสีมา สภาพปัญหาเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบึงกระโดน ต.ประทาย อ.ประทาย ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาด 3,700 ไร่ ไม่มีปริมาณน้ำหลงเหลืออยู่จากความจุทั้งหมด 12 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยส่งผลกระทบต่อร้านอาหารที่ตั้งแพริมอ่างเก็บน้ำต้องปิดตัวลง ชาวบ้านกว่า 4 หมู่บ้าน มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำใช้ถาวร จนต้องขุดบ่อบาดาลสูบน้ำใต้ดินมาใช้
ทั้งนี้ บึงกระโตนแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการและสั่งการให้แก้ปัญหาภัยแล้ง เมื่อครั้งจัดคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 โดยก่อนหน้านี้ได้มีการขุดลอกเพิ่มเติมแต่ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ เนื่องจากฝนขาดช่วง ปริมาณน้ำแห้งขอดมากกว่าทุกปี จนไม่มีน้ำไหลเข้าอ่าง ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมอ่าง ขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า หลายพื้นที่ใน จ.นครราชสีมา กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งทางจังหวัดพยายามประคับประคองให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ให้ได้ ที่ผ่านมา ได้แก้ปัญหาโดยสูบน้ำไปเก็บในแหล่งน้ำชุมชนโดยตลอด แต่เมื่อน้ำหมดก็เกิดปัญหาขึ้นอีก เช่น อ.โนนสูง น้ำที่กักเก็บไว้เริ่มหมด จึงต้องระดมหลายภาคส่วนในการนำรถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยให้จิตอาสาพระราชทาน เข้ามาร่วมแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการแล้ว 8 อำเภอ มีทั้งการหาแหล่งน้ำมาใช้เฉพาะหน้า และการเตรียมแหล่งน้ำสำหรับไว้เก็บน้ำในอนาคต ซึ่งภายในวันที่ 10 มีนาคมนี้ น่าจะสามารถดำเนินการได้ทุกพื้นที่ทั้ง 32 อำเภอ คาดว่าในปีหน้าจะมีแหล่งน้ำเพียงพอทุกพื้นที่
ส่วนที่ จ.พังงา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปีนี้ปัญหาภัยแล้งค่อนข้างรุนแรงกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากฝนทิ้งช่วง ประกอบกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว จนบางพื้นที่เริ่มเห็นเนินทราย ขณะที่อ่างเก็บน้ำที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภค ในพื้นที่หมู่ 7 ต.บ้านบางสัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มีปริมาณลดลงจนเห็นพื้นดินและมีสภาพเป็นสีขุ่นดำ ทำให้ชาวบ้านกว่า 30 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ เริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และปลูกผักไว้จำหน่าย ซึ่งชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขุดลอกอ่างเก็บน้ำให้กว้างและลึกลงยิ่งขึ้น เพื่อเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง
อย่างไรก็ดี สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้มีการซื้อน้ำจากรถบริการคันละ 250 บาท ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือดูแล จนชาวบ้านที่เดือดร้อนต้องไปเขียนคำร้องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสียก่อน จึงจะสามารถพิจารณาดำเนินการได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี