5 มี.ค. 2563 นายสมาน เหล่าดำรงชัย นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นแรงงานไทยที่ไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ หรือผีน้อย ที่กำลังมีข้อถกเถียงในสังคมในขณะนี้ว่ารัฐบาลสมควรใช้ทรัพยากรในการดูแลควบคุมแรงงานกลุ่มนี้ที่ขอกลับประเทศไทยเพราะกลัวการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในเกาหลีใต้หรือไม่ ว่า ตามข่าวที่ปรากฏว่ามีผีน้อยไทยขอกลับบ้าน 5,000 คนนั้นดูน้อยกว่าจำนวนแรงงานที่คาดว่ามีอยู่จริงกว่า 1 แสนคน
ซึ่งตนสันนิษฐานว่า เหตุที่แรงงานผีน้อยขอกลับบ้านเพียงจำนวนน้อยดังกล่าวนั้นอาจเป็นเพราะ 1.การเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย ลูกจ้างมักถูกนายจ้างยึดหนังสือเดินทางอันเป็นเอกสารแสดงตน เพราะฝ่ายนายจ้างก็ไม่อยากสูญเสียแรงงานไป จริงอยู่ในเวลานี้เศรษฐกิจอาจซบเซาแต่นายจ้างน่าจะรอดูสถานการณ์ก่อนในเบื้องต้น ดีกว่ารีบปล่อยแรงงานไปแล้วหากเกิดเศรษฐกิจฟื้นต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้แรงงานใหม่มาทดแทน กับ 2.แรงงานผิดกฎหมายก็ไม่อยากออกนอกที่พักเพราะไม่อยากถูกจับและไม่อยากเสี่ยงกับการติดเชื้อด้วย
นายสมาน กล่าวต่อไปว่า เกาหลีใต้มีปัญหาคล้ายกับไทยคือคนในท้องถิ่นมีการศึกษาสูงขึ้นจึงเลือกที่จะไม่ทำงานบางประเภทเพราะมองว่าเป็นงานหนักแต่ได้ค่าตอบแทนน้อย ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปใช้แรงงานต่างด้าวแทน โดยงานที่ขาดแคลนแรงงานในเกาหลีใต้คืองานกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรม งานแรงงานในภาคเกษตร งานลูกจ้างในครัวตามร้านอาหาร งานแม่บ้านทำความสะอาดในโรงแรม และโดยเฉพาะงานนวดแผนไทยที่หญิงไทยนิยมไปกันมาก
ซึ่งสำหรับงานนวดนั้นแม้กฎหมายเกาหลีใต้ระบุไว้เป็นอาชีพสงวนสำหรับผู้พิการทางสายตา แต่ในความเป็นจริงก็แทบไม่มีชาวเกาหลีที่ทำอาชีพนี้ ประกอบกับคนไทยมีฝีมือการนวดที่ดีกว่า สามารถจับเส้นลงน้ำหนักเป็น จึงมีความต้องการพนักงานนวดจากไทยสูงมากในตลาดแรงงานของเกาหลีใต้ ทั้งนี้จากการที่ตนเคยไปเก็บข้อมูลทำวิจัยที่เกาหลีใต้ พนักงานนวดชาวไทยเล่าว่ามีรายได้อย่างต่ำ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือนไม่รวมทิปจากลูกค้า แต่ใครที่กล้าขายบริการทางเพศด้วยอาจมีรายได้สูงกว่า 1 แสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว
ส่วนที่มีคำถามว่าเหตุใดคนไทยนิยมไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ทั้งที่ช่องทางถูกกฎหมายก็มีอยู่ ตนพบว่าปัญหาอยู่ที่กระบวนการส่งตัวแรงงานไปทำงาน โดยจากการสอบถามแรงงานไทยที่ไปทำงานอย่างถูกกฎหมายในเกาหลีใต้ พบว่าแม้จะผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนด เช่น การทดสอบภาษาเกาหลีเบื้องต้น แล้วยังต้องรออีก 6 เดือนกว่าจะได้เดินทางไปทำงานจริง บางรายรอนานถึง 2 ปีก็มี ในขณะที่การเดินทางผ่านนายหน้าแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแต่ไปได้รวดเร็วกว่ามาก บางครั้ง 5 วันก็ได้เดินทางแล้ว
ดังนั้นที่ผ่านมากว่า 10 ปี ตนจึงเสนอมาตลอดว่าต้องยกเลิกกฎหมายที่ห้ามกระทรวงแรงงานส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศแข่งกับบริษัทจัดหางานของเอกชน แล้วจัดตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมาดูแลการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้คล่องตัวขึ้น ตนเชื่อว่ารัฐบาลไทยสามารถเจรจากับประเทศปลายทางที่ก็ขาดแคลนแรงงานอยู่แล้วให้ยอมรับแรงงานจากไทยในจำนวนที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะเท่าที่สอบถามหน่วยงานภาครัฐในเกาหลีใต้ ก็ได้ข้อมูลว่าการตามจับแรงงานเถื่อนก็ทำได้ยากลำบากเช่นกัน
“กระทรวงแรงงานควรร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีในการเพิ่มตลาดแรงงานในอาชีพใหม่ เช่น นวดแผนไทย เกาหลีเขาล็อกไว้สำหรับคนพิการสายตา ถ้าเกาหลีใต้สามารถแก้กฎหมายให้คนต่างชาติเข้าไปทำกิจการนี้ได้ รับรองคนที่ผิดกฎหมายผุดขึ้นมาทำถูกกฎหมายแน่นอน เพราะถ้าถูกกฎหมายก็จะได้สถานะที่ดีขึ้น ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเกาหลีด้วย ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยด้วยว่าจะกล้าเผชิญการเจรจานี้หรือไม่” นายสมาน ยกตัวอย่าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี