เข้าสู่ช่วงเทศกาลปิดเทอม ถือเป็นประเพณีปฏิบัติกันมานานแสนแล้วว่า เป็น ช่วงที่บรรดาเยาวชน นักเรียน นักศึกษาจะได้พักผ่อน หลังจากที่คร่ำเคร่ง ร่ำเรียนกันมาอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมใหญ่ ที่มีเวลาพักการเล่าเรียนนับเป็นเดือน ยิ่งเป็น ช่วงเทศกาลที่ยาวนาน จน เยาวชน หลายคน เริ่มรู้สึกว่า “เบื่อ”กับกิจกัตรประจำวันที่แตกต่างไปจากกิจวัตรประจำวันที่เคยเดินทางออกไปเรียนทุกวัน ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวลที่กล่าวมานี้ ถือเป็นอดีตไปเสียแล้ว
เพราะเมื่อสังคมถูกปรับเปลี่ยนไปตาม ค่านิยมร่วมสมัย เทศกาลหยุดเรียน หรือ เทศการปิดเทอม แทนที่จะกลายเป็น ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน กลับเป็นว่า กิจวัตรของบรรดาเยาวชนที่ต้องผูกพันกับการเล่าเรียน ยังต้องดำเนินต่อไป ด้วย รูปแบบของการเรียนพิเศษ เพื่อ ติวเข้ม หรือ สั่งสมความรู้ให้เกิดการต่อเนื่องต่อไป
นอกเหนือจากการเรียนพิเศษ ซึ่ง หลายพื้นที่ มีคำจำกัดความเอาไว้ให้เฉพาะกับคนที่มีเงินเท่านั้น ก็ได้เกิดกิจกรรมการเรียนรู้อีกแบบเกิดขึ้น และ ได้รับความนิยมอย่างมากในวันนี้ และ มีแนวโน้มว่าจะเติบโตออกไปในวันข้างหน้าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด กิจกรรมดังกล่าวที่ว่านี้คือ “การเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้กับหลักสูตรนอกตำราเรียน”
การเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้ วิชาการนอกหลักสูตร ถือได้ว่า เป็นประโยชน์ทางด้านการศึกษา ที่สร้าง คุณค่า ให้กับ บรรดาเยาวชนในวัยเรียนได้อย่างมากทีเดียว ดังจะเห็นได้จาก กิจกรรมเข้าค่ายตามสถานที่ต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
เริ่มจาก กิจกรรม “THE MALL SHOPPING CENTER SUMMER EDUTAINMENT KID’S CAMP 2013 :เรียน เล่น ให้เป็นอัจฉริยะ” เมื่อวันที่ 29-31 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
เป็นกิจกรรมทางเลือกสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่หากิจกรรมให้เด็กๆได้ทำในช่วงปิดเทอม โดยจัดเป็นพิเศษ ที่ช่วยพัฒนาและส่งเสริมประสบการณ์ใหม่ๆนอกตำราเรียนสำหรับเด็กๆ และในปีนี้จัดกิจกรรมแคมป์ภายใต้คอนเซ็ป เรียน เล่น ให้เป็นอัจฉริยะ เนื่องจากเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ของเด็ก รวมถึงการพัฒนาทักษะต่างๆให้เด็กๆได้ร่วมสนุกที่แตกต่างไปจากห้องเรียนในโรงเรียน พร้อมฝึกทักษะอย่างครบครัน อาทิ CREATIVE (ความคิดสร้างสรรค์), THINKING (คิดแบบมีเหตุผล) IDEA (มีแนวคิดแปลกใหม่) , IMAGINE (วางแผนจินตนาการ) , ANALYZE (การวิเคราะห์ต่างๆ)
กิจกรรมดำเนินอยู่ในช่วงเวลา 3 วันของการเข้าแคมป์ เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะการเรียนด้านต่างๆ ที่แตกต่างไปจากห้องเรียนโดยปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ให้เป็นรูปแบบกิจกรรมสนุกสนาน อาทิ กิจกรรม Creative : เพ้นท์ภาพ ดอกไม้สด ,กิจกรรม Imagination : ล้อมวงฟังนิทานสร้างจินตนาการออกแบบและประดิษฐ์หุ่นมือถุงเท้า, กิจกรรม Analyze : กังหันพลังลม , กิจกรรม Thinking : เกม ชั่ง ตวง วัด , กิจกรรม Idea : แบ่งกลุ่มออกแบบการแสดง หัวข้อ “เรารักอาเซียน” ฯลฯ นอกจากนี้เด็กๆยังได้ท่องเที่ยวแบบสนุกสนานกับกิจกรรมทัศนศึกษาเพื่อการเรียนรู้เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้เชิงวิทยาศาสตร์และหลักวิทยาศาสตร์นอกตำราที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) อีกด้วย
ปิดฉากการเข้าแคมป์แบบประทับใจเด็กๆ แม้เป็นเพียงเวลา 3 วัน แต่ได้เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะของเด็กๆ ได้เห็นเด็กๆสนุกสนานกับกิจกรรมที่ทำ ทำให้เห็นถึงความใส่ใจและสนใจในเรื่องการเรียนรู้แบบนอกกรอบของเยาวชนรุ่นใหม่ ถือเป็นการต่อยอดการเรียนรู้ของเยาวชน กับการใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนให้เป็นประโยชน์
อีกกิจกรรมหนึ่ง เป็นการ เข้าค่ายวิทยาศาสตร์ SCG Sci-camp รุ่นที่ 24 “Eco Town เมืองนิเวศน์สู่การพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ที่ผู้จัดกิจกรรม มีแนวคิดว่าการเรียนรู้ในเรื่องของ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก เนื่องจาก วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การได้เข้าค่ายเพื่อการเรียนรู้ จึงเป็นความสำคัญ ที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น
ถ่ายทอดและปลูกฝังสู่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบในกิจกรรมนี้จึงเต็มไปด้วย เยาวชนผู้มีใจรักวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ SCG Sci-Camp เพื่อเปิดมุมมองการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์กันอย่างเต็มที่
“ค่ายวิทยาศาสตร์เยาวชน SCG Sci–camp” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 24 แล้ว โดยเอสซีจี คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดค่ายขึ้นเพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเกิดความสนใจและรักการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ พร้อมเปิดมุมมองการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ควบคู่กับการพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาประเทศชาติให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ปีนี้น้องๆ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีใจรักด้านวิทยาศาสตร์ จำนวน 100 คน จากทั่วประเทศ ได้มาร่วมกิจกรรมภายใต้หัวข้อ “Eco Town เมืองนิเวศน์สู่การพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
ตลอด 8 วัน 7 คืนในค่าย อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมแสนสนุก ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ ระหว่างทำกิจกรรมทั้งในห้องเรียน และนอกสถานที่ ตลอดจนทัศนศึกษาดูงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เยี่ยมชมโรงงานอันทันสมัยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด ในเอสซีจี ซิเมนต์ น้องๆ ถ่ายทอดประสบการณ์การเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ SCG Sci-camp ที่ผ่านมา ได้อย่างน่าสนใจ
น้องแตงโม - ชญากานต์ สมุติรัมย์ จากโรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา จ.นครปฐม เล่าว่า เข้าค่ายในครั้งนี้ได้สอนเรื่องจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รู้จักเมืองนิเวศน์ที่ดี และทำอย่างไรให้อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม อยู่ด้วยกันโดยเอื้อเฟื้อต่อกัน นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ ของเอสซีจี ที่ อ. แก่งคอย จ. สระบุรี รู้สึกประทับใจที่ได้เห็นระบบจัดการที่ดี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ปล่อยของเสีย และยังได้เรียนรู้วิธีการตรวจวัดน้ำ ตรวจวัดอากาศ นับว่าได้ความรู้ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์มากๆ ซึ่งหาไม่ได้จากตำราเรียน
น้องเจมส์ - ภานุพงศ์ นะคะจัด จากโรงเรียนคำตากล้าราชประชาสงเคราะห์ จ.สกลนคร พูดถึงความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า รู้สึกดีใจที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าค่ายในครั้งนี้ นอกจากจะได้รับความรู้ นอกตำราเรียนแล้ว ยังได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ มีโอกาสทำโครงงานร่วมกับเพื่อนๆ ได้คิดค้นวิธีบำบัดน้ำเสีย เพราะวิธีนี้เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง และค่ายนี้ยังให้มิตรภาพที่ดีระหว่างพี่เลี้ยง และเพื่อน จึงรู้สึกอบอุ่น และประทับใจมาก จนไม่อยากให้จบค่ายเลย
น้องราม - รามราช ปนัดสาโก จากโรงเรียนทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เล่าถึงการเข้าค่ายในครั้งนี้ว่า ถ้าเราเรียนรู้แค่ในห้องเรียน ก็ได้รับความรู้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มองเห็นภาพไม่ชัดเจน เท่ากับการได้ลงมือปฏิบัติจริง ค่ายนี้ทำให้มีโอกาสทดลองคิดค้นโครงการกับเพื่อนๆ นับเป็นประสบการณ์ดีๆ นอกจากนี้ยังได้รับมิตรภาพที่ดีติดมือกลับบ้านอีกด้วย อยากนำแนวคิด Eco Town หรือเมืองสีเขียว กลับไปปรับใช้กับชุมชนตนเอง รวมถึงการปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม อาจต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน วิธีง่ายๆ คือการปลูกต้นไม้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยรักษาธรรมชาติให้สมดุลได้อีกวิธิหนึ่ง
ทุกวันนี้ กิจกรรมการเข้าค่ายเพื่อให้เกิด การเรียนรู้ กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งใน แวดวงการศึกษา ที่ บรรดา นักเรียนนักศึกษาจะขาดเสียไม่ได้แล้ว และมีนักเรียน นักศึกษา ส่วนใหญ่ พากันคาดหวังว่า “หนึ่งครั้งในชีวิตการเป็นนักเรียน”ขอให้มีโอกาสได้เข้าค่ายเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์อันเป็นหลักสูตรนอกตำราสักครั้งหนึ่งเถิด...ปัญหาจึงเกิดขึ้นมาว่า...จะมีแรงสนับสนุนของภาคเอกชนมากพอหรือไม่ที่จะรองรับความต้องการการเรียนรู้นอกตำราของบรรดาเยาวชนในวัยเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่หรือเปล่า
ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี