"อนุพงษ์"เผยยกเลิก"VOA"18ประเทศ-ฟรีวีซ่า3ประเทศกลุ่มเสี่ยง สกัดโควิด-19 แจง"กักตัวที่บ้าน"จำกัดวงแพร่ระบาดได้ดีกว่า มีจนท.คอยติดตามใกล้ชิด วอนคนไทยเข้าใจมาตรการ
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการกับผู้ที่เดินทางจาก 4 ประเทศ ที่มีการแพร่ระบาด ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี หากจะเดินทางมาจะต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูตก่อน รวมถึงจะมีการยกเลิก VISA on Arrival (VOA) หรือการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 18 ประเทศ ต่อไปใครที่ใช้ VOA ต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูตก่อน ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อประกันว่าไม่ใช่ผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีอาการเหล่านี้เข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกฟรีวีซ่าใน 3 ประเทศ คือ อิตาลี ฮ่องกง และเกาหลีใต้ เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าเขามาได้ด้วยวิธีใดก็ตาม เรายังมีมาตรการกักกันตัว 14 วัน ถ้าไม่ยอมให้กักตัว ทางเราจะให้เดินทางกลับไปเลย ไม่ยอมให้เข้าเมือง เข้าใจว่ามาตรการที่สถานทูต รวมถึงมาตรการจากสายการบินจะป้องกันไม่ให้คนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามาได้ ซึ่งตนจะใช้อำนาจตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ดำเนินการทันที ส่วนมาตรการของคนไทยที่อยู่ในประเทศต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศมีมาตรการว่าการจะกลับมาต้องทำอย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานที่กักกันตัวเดิมที่มีอยู่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ชี้แจงถึงปัญหาว่า ถ้านำคนไปรวมไว้สถานที่หนึ่งจะติดกันได้ เหมือนกับเรือไดมอนด์ปริ้นเซส แนวทางที่ สธ.คิดว่าเหมาะสมที่สุดคือ ให้ไปกักกันตัวที่ภูมิลำเนา ซึ่งเราเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันที่ 10 มี.ค.โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ลงโทษหากเจ้าตัวไม่ทำตามมาตรการที่กำหนด เช่น การออกนอกพื้นที่ โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ สธ. ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ จะทำให้การเฝ้าดูอาการมีประสิทธิภาพ และจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสุขภาพตลอดเวลา หากมีปัญหาทางสุขภาพจะนำไปที่โรงพยาบาลทันที แล้วควบคุมคนที่บ้านไม่ให้ออกไปไหนเช่นเดียวกัน เป็นการควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ให้เกิดการแพร่กระจาย ประชาชนทุกชาติที่เข้ามายังสนามบินของเรา สธ.กับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะคัดกรองว่าต้องไม่มีใครที่ป่วย หากป่วยต้องเอาเข้าสถานพยาบาลทันที
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สำหรับคนจากประเทศเสี่ยงที่เดินทางมาประเทศไทยระหว่างวันที่ 2 - 7 มี.ค.มีทั้งสิ้น 1,882 คน ตอนนี้กำลังติดตามว่าอยู่ที่ใดบ้าง และจะนำไปกักกันตัวที่ภูมิลำเนา ส่วนผู้ที่เดินทางมาหลังวันที่ 7 มี.ค.มี 98 คน ซึ่งจะให้ไปกักกันตัวที่ภูมิลำเนาเช่นเดียวกัน แต่จะต้องผ่านกระบวนการของ สธ.ก่อน คือ เข้าที่พักเพื่อสังเกตอาการ ส่วนผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐก่อนหน้านี้ ก็จะให้ย้ายไปกักกันตัวต่อที่ภูมิลำเนา มาตรการนี้ถือว่าดีกว่าการให้อยู่รวมกัน และตอนนี้ทางท้องถิ่นได้มีการเตรียมการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแล้วจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราจะกักกันตัวที่โรงแรม เพราะถ้าเอาไปที่ไหนคนไทยยังรับไม่ได้
เมื่อถามถึงการเดินทางกลับไทยของบุคคลที่ทำงานอยู่เกาหลีใต้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ต้องผ่านขั้นตอนของสถานทูต ไม่ใช่จะเดินทางกลับมาง่ายๆ เพราะมันกระทบถึงเรื่องการบิน ตามหลักการเราต้องให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศเดินทางกลับ แต่ที่ต้องมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ เพราะสายการบินเขาจะไม่ยอมถ้าไม่มีรับประกันจากประเทศต้นทาง ถ้าจะเดินทางกลับมา สถานทูตต้องทราบและอาจจะให้กักตัวที่ประเทศต้นทางก่อน 14 วัน โดยมีการรับรองเพื่อให้สายการบินยอมให้ขึ้นเครื่อง
เมื่อถามว่า สำหรับมาตรการกักกันตัวที่ภูมิลำเนา จะให้คนในพื้นที่ยอมรับบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนอยากให้สื่อช่วยอธิบายว่าคนไทยย่อมมีสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่จะอยู่ในแผ่นดินไทย แม้จะเจ็บป่วยอย่างไรภูมิลำเนาควรต้องรับ เราต้องช่วยกันอธิบาย เพราะไม่ได้ให้คนจากจังหวัดหนึ่งไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง แต่ขอให้คนในบ้านเกิดได้กลับไปอยู่ เพราะไม่มีแผ่นดินไหนในโลกที่จะยอมรับ แผ่นดินไทยโดยเฉพาะภูมิลำเนาของเขาจะต้องรับและจะไม่กระทบอะไร เพราะทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุม หากไม่สบายจะไปอยู่โรงพยาบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี