พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยมีเป้าหมายส่งเสริมการลงทุน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศเพิ่มความสามารถแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ระยะยาว ภายใต้แผนยุทธศาสตร์“ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งเป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกหรือ Eastern Seaboard ที่ดำเนินมาตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา
“น้ำ” เป็นปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญที่จะทำให้ EEC ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ ดังนั้นน้ำในพื้นที่ EEC จะต้องมีเสถียรภาพและความมั่นคงในทุกสภาวการณ์
ปีนี้ประเทศไทยประสบภาวะภัยแล้งค่อนข้างรุนแรง พื้นที่ EEC ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ภาคตะวันออกปี 2562 ที่ผ่านมาต่ำกว่าค่าปกติ 30-40% ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนเก็บกักในอ่างเก็บน้ำของ 3 จังหวัด EEC ดังกล่าวมีน้อย และจากคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งปี 2563 พื้นที่ EEC เป็นอีกพื้นที่หนึ่งมีโอกาสประสบภัยแล้ง ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาขาดแคลนน้ำเกิดขึ้น รัฐบาลได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการวางมาตรการบริหารจัดการน้ำให้น้ำในพื้นที่ EEC มีความมั่นคงในเรื่องน้ำ และมีเพียงพอกับความต้องการ
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแผนการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง ปี 2563 ในพื้นที่ EEC ว่า ในส่วนจังหวัดระยอง มีแหล่งน้ำต้นทุนหลักจากอ่างเก็บน้ำหลัก 3 แห่งคือ อ่างฯดอกกราย อ่างฯหนองปลาไหล และอ่างฯคลองใหญ่ ซึ่งส่งน้ำให้กับการประปาการเกษตร และอุตสาหกรรม ในพื้นที่จังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรีบางส่วน ขณะนี้มีปริมาณน้ำใช้การ คงเหลือ 38.0 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เมื่อรวมกับแผนที่จะสูบผันจากอ่างฯประแสร์มาอีกจะมีปริมาณน้ำใช้การรวม 58.0 ล้านลบ.ม. คาดการณ์ฤดูแล้ง ปริมาณน้ำเพียงพอ ถึงสิ้นฤดูแล้ง 30 มิ.ย. 2563 และเหลือน้ำใช้การ อีกประมาณ 8.0 ล้านลบ.ม. อย่างไรก็ตาม เพื่อสำรองน้ำกรณีฝนตกช้ากว่าเดือนมิถุนายน มีมาตรการ ดังนี้
1.เชื่อมเส้นท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างฯ คลองใหญ่ กับท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์- อ่างฯหนองปลาไหล มาลงอ่างฯหนองปลาไหล สูบผันน้ำวันละ 0.5 ล้านลบ.ม. ลดการสูญเสียน้ำ 100,000 ลบ.ม.ต่อวันดำเนินการโดย บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water ซึ่งได้เริ่มสูบน้ำตั้งแต่ 31 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมาแล้ว 2.แบ่งปันน้ำจากอ่างฯประแกด ระบายลงคลองวังโตนด และใช้ระบบสูบผันน้ำคลองวังโตนด มาเติมอ่างฯประแสร์ เพื่อสูบผันน้ำต่อมายัง 3 อ่างเก็บน้ำหลัก เพิ่มน้ำต้นทุน 10 ล้านลบ.ม. เริ่มสูบผันน้ำตั้งแต่วันที่ 1-31 มี.ค.2563
3.สูบผันน้ำจากอ่างฯ คลองใหญ่ มาลงอ่างฯ หนองปลาไหล เพื่อรวมปริมาณน้ำมาใช้ในอ่างหนองปลาไหล 3 ล้านลบ.ม. เริ่มสูบผันน้ำตั้งแต่ 29 ก.พ.2563 4.วางท่อในคลองน้ำแดง ต่อจากด้านท้ายท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์ – อ่างฯคลองใหญ่ เพื่อแยกท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างฯ คลองใหญ่ ออกจากท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างฯหนองปลาไหล เพิ่มปริมาณการสูบผันน้ำจากอ่างฯ ประแสร์ วันละ 150,000 ลบ.ม. ดำเนินการโดย บริษัท East Water จะแล้วเสร็จภายใน 15 เม.ย. 2563
5.สูบน้ำกลับคลองสะพานเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ ดำเนินการตั้งช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2563 อย่างน้อย 3 ลบ.ม./วินาที ได้ปริมาณน้ำรวมประมาณ 10 ล้านลบม. ขณะนี้กรมชลประทานกำลังวางท่อเหล็กขนาด 1,800 มม. และบริษัท East Water ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวม 3 ลบ.ม/วินาที จะแล้วเสร็จ 15 พ.ค.2563 6.ซ่อมแซมระบบสูบกลับวัดละหารไร่ (แม่น้ำระยอง) เติมอ่างฯ หนองปลาไหล เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำระยอง เมื่อมีฝนตก เสริมน้ำในอ่างฯ หนองปลาไหลวันละ 100,000 ลบ.ม. ดำเนินการโดย บริษัท East Water จะแล้วเสร็จภายใน 15 เม.ย. 2563 และ 7.การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และกรมชลประทาน สูบใช้น้ำคลองน้ำหู เมื่อมีฝนตก เพื่อลดการใช้น้ำจากอ่างฯ หนองปลาไหล วันละ 50,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ระบบสูบมีความพร้อมสามารถสูบใช้น้ำตั้งแต่ 15 เม.ย. 2563
สำหรับจังหวัดชลบุรี มีแหล่งน้ำต้นทุนหลักจาก อ่างฯบางพระ อ่างฯหนองค้อ อ่างฯมาบประชันอ่างฯซากนอก อ่างฯหนองกลางดง อ่างฯห้วยสะพานและอ่างฯห้วยขุนจิต รวม 7 แห่ง ส่งน้ำให้การประปาส่วนภูมิภาค สาขาชลบุรี สาขาพัทยา และสาขาศรีราชาและภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่เมืองพัทยา อำเภอศรีราชาและอำเภอเมือง จ.ชลบุรี ขณะนี้ปริมาณน้ำใช้การคงเหลือ31.0 ล้านลบ.ม. คาดการณ์ปริมาณน้ำไม่เพียงพอถึงสิ้นฤดูแล้ง เดือน 30 มิ.ย. 2563 ขาดน้ำประมาณ -7.1ล้านลบ.ม. มีมาตรการรองรับ ดังนี้
1.ให้จังหวัดชลบุรีประสานเจรจาซื้อน้ำจากบ่อดินเอกชน เสริมเข้าในระบบของการประปา และบริษัท East Water ใน จ.ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อลดการใช้น้ำจากอ่างฯ เกินแผน และเสริมปริมาณน้ำในอ่างฯ ให้เพียงพอ ถึงสิ้นฤดูแล้งเดือน 30 มิ.ย. 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างประสาน เจ้าของบ่อดิน
2.กรมชลประทานจะขุดลอกคลองหลวง จากท้ายอ่างฯคลองหลวง ถึงคลองพานทอง เพื่อระบายน้ำจากอ่างคลองหลวง มาที่สถานีสูบพานทอง และสูบผันมาเติมในอ่างฯบางพระ 3 ล้านลบ.ม. โดยจะเริ่มสูบตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 2563 พร้อมทั้งควบคุมการดักสูบน้ำระหว่างทาง และ 3. บริษัท East Water ทำการสูบผันน้ำแม่น้ำบางปะกง-อ่างฯบางพระ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำอ่างฯ บางพระ กรณีมีฝนตกในลุ่มน้ำบางปะกงผลักดันน้ำเค็มลงมาต่ำกว่าจุดสูบน้ำ ซึ่งปัจจุบันกำลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม และซ่อมท่อรั่ว คาดว่าจะแล้วเสร็จสูบผันน้ำได้ 15 พ.ค. 2563
ส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา(ฝั่งซ้ายแม่น้ำบางปะกง) มีแหล่งน้ำต้นทุนหลักมาจาก อ่างฯน้ำสียัด และอ่างฯคลองระบม ขณะนี้ปริมาณน้ำใช้การ 45.3 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ในกิจกรรมต่างๆ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ประกอบด้วย น้ำต้นทุนเพื่อผลิตประปา 13 ล้านลบ.ม. รักษานิเวศ 2 ล้านลบ.ม. และการเกษตรต่อเนื่อง 1 ล้านลบ.ม. และสำรองกรณีฝนตกล่าช้าอีก 30 ล้านลบ.ม.
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มเติมรองรับวิกฤติขาดแคลนน้ำ ในฤดูแล้งปีนี้ โดยรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำ ลดการใช้น้ำทุกภาคส่วนใน จ.ระยอง และชลบุรี 10% ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย. 2563 ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) แจ้งกระทรวงพลังงาน สั่งการให้โรงไฟฟ้าเอกชนในจังหวัดระยอง ชลบุรี หยุดเดินระบบอยู่ในโหมด Stand Bye หรือเดินระบบเท่าที่จำเป็น เพื่อลดการใช้น้ำเพื่อหล่อเย็น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมการสูบน้ำไม่ให้เกินจำนวนที่ในแผนที่กำหนดรายวัน
และตรวจสอบมิเตอร์วัดน้ำ ให้ใช้งานได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาพัทยา เตรียมแผนติดตั้งระบบสูบน้ำเคลื่อนที่ จากอ่างฯห้วยตู้ 1 อ่างฯห้วยตู้ 2 อ่างฯมาบฟักทอง 1 และอ่างฯมาบฟักทอง 2 รวมปริมาณน้ำ 3 ล้านลบ.ม.
“กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้บริหารจัดการน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพสูงสุดให้กับน้ำอุปโภคบริโภค และเพื่อให้ภาคตะวันออก โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC จะได้ไม่เกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งปี 2563 นี้ ทั้งนี้หากสามารถดำเนินการได้ตามมาตรการที่วางไว้ทั้งหมด ปริมาณน้ำจะเพียงพอใช้จนถึงฤดูฝนอย่างแน่นอน” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวยืนยัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี