กรมควบคุมมลพิษห่วง 9 จังหวัดภาคเหนือ ฝุ่นพิษวิกฤติแดงเถือก แม่สายยังอ่วม 340 มคก.ต่อลบ.ม. เหตุสภาพอากาศปิด-หมอกควันข้ามแดนจากเพื่อนบ้านเชียงใหม่เปิด 71 Safety Zone ให้ประชาชนใช้บริการ หลังวิกฤติฝุ่นควันหนาแน่น
เมื่อวันที่ 15มีนาคม นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากข้อห่วงใยและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้ทุกหน่วยงานสนธิกำลังร่วมกัน โดยเร่งเข้าควบคุมและดับไฟอย่างเต็มที่ และเฝ้าระวังการเกิดไฟในพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวด เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ทำให้จุดความร้อนในประเทศไทยลดลงกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม ยังคงพบจุดความร้อนและหมอกควันหนาแน่นมากในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ภาคเหนือตอนบนซึ่งได้รับอิทธิพลลมใต้พัดขึ้นมาทำให้ยังวิกฤตต่อเนื่อง ฝุ่นละอองสะสมมากและเพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์หมอกควันใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ปริมาณ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 32 - 340 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. โดยค่าสูงสุดที่ จ.เชียงราย สถานี อ.แม่สาย 340 มคก./ลบ.ม. มีฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ สีแดง ทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ในขณะที่ภาคเหนือตอนล่าง อากาศดีขึ้นเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมใต้พัดอากาศดีมาเสริมและดันฝุ่นขึ้นภาคเหนือตอนบน และมีฝนตกบางพื้นที่
นายประลอง กล่าวว่า 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากของจุดความร้อนในอนุภูมิภาคแม่โขงในวันที่ 13 มี.ค. ส่งผลให้เกิดหมอกควันหนาแน่นมากสะสมในพื้นที่ แม้ว่าเมื่อวันที่ 14 มี.ค. จุดความร้อนในประเทศไทยจะลดลงกว่าร้อยละ 50 จากการเร่งระดมสรรพกำลังควบคุมและดับไฟของทุกหน่วยงานตามข้อสั่งการของนากยรัฐมนตรี แต่หมอกควันที่สะสมตัวอยู่ยังไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากอากาศไม่ยกตัวในตอนค่ำต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่ 15 มี.ค.นี้ ประกอบกับยังคงมีหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมาและ สปป.ลาว รวมถึงหมอกควันจากภาคเหนือตอนล่าง ถูกลมพัดมาเติมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
“ทุกหน่วยงานยังคงเข้าควบคุมสถานการณ์การเผาอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด เพื่อเร่งลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองในพื้นที่ประเทศไทย และ คพ. จะประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจาระดับทวิภาคีกับประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ในการสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างเร่งด่วน ต่อไป “นายประลอง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุดความร้อน หรือ Hotspot จากระบบ VIIRS ตามข้อมูล GISTDA จำนวน 99 จุด ในพื้นที่ 16 อำเภอ 34 ตำบล ตรวจสอบพบว่าลุกลามจากจุดเดิมของรอบบ่ายวานนี้ 1 จุด ซึ่งนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการให้ศูนย์ อำเภอ เร่งเข้าดับไฟในพื้นที่ พร้อมรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากเกิดจุดในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก บนภูเขาสูง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อชุดปฏิบัติการภาคพื้นดิน ขอให้แจ้งจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยดับไฟป่า
ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคุณภาพอากาศขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่จัดสถานที่ปลอดภัยจากฝุ่น หรือ Safety Zone ไว้รองรับในพื้นที่เขตเมืองที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ 11 แห่ง และร้านกาแฟ 60 ร้าน ติดตั้งเครื่องกรองอากาศพร้อมรับประชาชนให้เข้าไปใช้บริการได้ ในส่วนของอำเภอจัด Safety Zone ไว้รองรับเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นควัน ตามแผนบรรเทาภัยจากฝุ่นควันหากเกินมาตรฐานตามที่จังหวัดได้กำหนดมาตรการรองรับไว้ และในช่วงนี้ขอให้งดเว้นการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย และอาศัยภายในบ้านที่ปิดมิดชิด หรือเปิดเครื่องกรองอากาศตลอดเวลา
ส่วนอำเภอรอบนอกเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดมกำลังและรถบรรทุกน้ำออกฉีดพ่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นลดฝุ่นควันที่หนาแน่น พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการเผาในที่โล่งและพื้นที่ป่าอย่างเคร่งครัด
วันเดียวกัน เกิดเหตุพายุฝนและลมกระโชกแรงพัดกระหน่ำอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร โรงเรียน และคอกเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง ได้แก่ บ้านสระบัว, โนนย่านาง, ผักกาดหญ้า และบ้านโนนเมือง ได้ถูกพายุพัดพังเสียหายกว่า 20 หลัง โดยเฉพาะโรงอาหาร โรงเรียนบ้านสระบัว ถูกลมพายุพัดหลังคาเปิดเกือบทั้งหลัง ทั้งยังมีเศษชิ้นส่วนโครงหลังคาล่วงหล่นกระจายเกลื่อนพื้นโรงอาหาร บางส่วนถูกลมพัดปลิวไปไกลกว่า 50 เมตร เคราะห์ดีที่ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงไม่มีครู และเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่เจ้าหน้าที่ อบต.พรสำราญ และผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้ลงพื้นที่ออกสำรวจความเสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานทางอำเภอ และจังหวัดได้รับทราบ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการอย่างเร่งด่วนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ได้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองลมกรรโชกแรง ฝนเทลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำทั่วเมืองอ่างทอง และมีหลายจุดได้รับผลกระทบเสียหายจากแรงพายพัดกระหน่ำ โดยที่ บริเวณ วัดมหานาม ม.4 ต.ไชยูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้ทำการจัดงานไหว้พระปิดทองหลวงพ่อขาวประจำปี มีร้านค้ามาตั้งเต็นท์ขายของภายในงานมากว่า 100 ร้านค้า ได้ถูกพายุฝนถล่ม ทำให้ ร้านค้าภายในงานเต็นท์ร้านค้าปลิวกระจายไปตามแรงลม และเปียกฝน ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด
นายสุดเขต หลวงพา อายุ 46 ปี เจ้าของร้านค้าที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ฟังว่า งานประจำปีปิดทองหลวงพ่อขาว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มี.ค. และเมื่อช่วงเย็น วันที่ 14 มี.ค. ได้เกิดพายุฝนลมแรง มีฝนตกพรำๆมาทั้งคืน จนกระทั้งเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.วันที่ 15 มี.ค. ลมฝนได้เริ่มแรงทวีความรุนแรงขึ้น และได้พัดหอบเต็นท์ ของร้านค้า ปลิวกระจาย ได้รับความเสียหาย บางหลัง พังแบบถอนรากถอนโคน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้รับความเสียหาย อย่างที่เห็น ก่อนที่จะสงบลงและมีฝนเทลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำทั่วเมืองอ่างทอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี