ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เรียกประชุมติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ทุกสัปดาห์ โดยเน้นย้ำคัดกรองสอบสวนบุคคล ประเทศกลุ่มเสี่ยงต้องดูอาการก่อน 14 วันในไทยก่อนลงเกาะเที่ยวสตูลได้ สั่งการพาณิชย์จังหวัดควบคุมราคาสินค้า หน้ากากอนามัยรวมถึงสินค้าอื่นๆ พร้อมฝากถึงพี่น้องประชาชน ดูแลสุขภาพเลี่ยงอยู่ท่ามกลางคนพลุกพล่าน กำชับผู้นำท้องที่ท้องถิ่นดูแลพื้นที่ตนเองเป็นพิเศษ ต้องเข้มงวดการป้องกันเพราะสำคัญกว่าการแก้ปัญหา
16 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมวัฒนโกเมร ศาลากลางจังหวัดสตูล นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ร่วมประชุม เพื่อให้การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของจังหวัดสตูล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดสตูลจึงจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯจังหวัดสตูล (ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังกรณีโรคติดต่อเชื้อไวรัสโรโคนา(โควิด-19) ณ สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล และดำเนินการจัดการประชุมติดตามสถานการณ์ เป็นประจำทุกสัปดาห์ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ด้าน นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่จังหวัดสตูลได้มีการประชุมติดตาม สถานการณ์โรคโควิด ซึ่งจริงๆการประชุมติดตามโรคนี้ และการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ เราเริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคมแล้วของจังหวัดสตูล เป็นการประชุมเพื่อกำหนดให้ด่านต่างๆ ที่มีอยู่ 3 ด่าน ตรวจสอบบุคคลที่ ผ่านเข้ามาในประเทศไทย เพื่อไม่ให้มีโรคเข้ามา
วันนี้ ได้มีการติดตามในเรื่องข้อสั่งการ ที่ทางกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข รัฐบาล สั่งการมาในเรื่องการตรวจสอบชาวเกาหลี หรือพวกที่ไปทำงานเกาหลีและกลุ่มที่มาจากประเทศที่มีโรคติดต่อ ถือเป็นการติดตามรายงาน รวมถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่เพื่อต้องการให้การป้องกันโรคในพื้นที่
จังหวัดสตูลสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ได้พิจารณาตั้งแต่คนที่มาลงเรือ ที่ท่าเทียบเรือปากบารา ว่าจะมีการตรวจสอบอย่างไร ไม่ใช่แค่ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายในขณะนั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำมาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ตอนนี้เราต้องสอบสวนการเดินทางของเขาด้วยว่าเขามาจากประเทศอะไร มาอยู่แล้วกี่วัน ถ้ามาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงยังไม่ถึง 14 วันก็ไม่ให้ลงเกาะ เพราะถือว่าอยู่ในระยะไม่ปลอดภัย ส่วนคนที่ไปที่เกาะหลีเป๊ะจะต้องปลอดภัยนี่คือสิ่งที่เรา ประชุมกัน 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เราต้องเข้มงวด ในเชิงของการป้องกัน เพราะการป้องกันสำคัญกว่าการแก้ปัญหา แต่ว่าในเรื่องของกระบวนการแก้ปัญหาภัยพิบัติหากเกิดเหตุอย่างไร ตรงนี้ก็มีการประชุมกันมาหลายครั้ง ในด้านสาธารณสุขก็มีความพร้อม ห้องควบคุมโรคก็ดี ห้องกับตัวก็ดี และยังมีการควบคุมราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ตอนนี้ให้มองและเตรียมการไปถึงสินค้าอื่นๆ เพราะตอนนี้มีเรื่องของการตื่นตระหนก มีการเก็บตุนสินค้าไว้บริโภค อันนี้ก็ฝากพาณิชย์และฝากด้านประชาสัมพันธ์ด้วยในเรื่องของการดูแลสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน การเข้าไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ในเรื่องของการจัดงานต่างๆตอนนี้ให้พิจารณาอะไรที่สุ่มเสี่ยงให้เลื่อนออกไป นี่เป็นการป้องกัน รวมทั้งในเรื่องที่ให้เตรียมคือสินค้าต่างๆด้วยให้ดูแลอย่าให้มีการขาดแคลน ให้ประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้มีความเข้าใจ และได้ช่วยกันสิ่งสำคัญต้องช่วยกันนาทีนี้คนไทยทุกคนต้องช่วยกันร่วมรบกับเชื้อโรค
จังหวัดสตูลเรามี 3 ด่านที่มาจากมาเลเซีย ตรงนี้เราเข้มงวดมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ในเรื่องของการตรวจทุกคนที่เข้ามา เป็นเรื่องที่กังวลมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการชุมนุมทางศาสนา ตอนนี้ก็ให้ทางพื้นที่ เผื่อหลุดรอดมาเข้าทางด่านอื่น ก็ให้ทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน ทางในอำเภอได้รายงาน ตรวจสอบทุกวัน และในเรื่อง อนาคตคิดว่ารุนแรงขึ้นก็จะมีการสอบสวนโรคเช่นเดียวกัน ถ้าเขาดูแล้วมีความสุ่มเสี่ยงก็จะต้องเข้าไปสู่กระบวนการกับตัว กักโรคที่บ้าน ตรงนี้ย้ำให้ทางในอำเภอก็ดี กำนันผู้ใหญ่บ้านก็ดีได้เข้มงวดเรื่องราวนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี