ในยุคปัจจุบัน ที่ทั่วโลกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในขณะที่ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย หลายภาคธุรกิจอยู่ในภาวะถดถอย โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดกิจการ อัตราการว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น สถานการณ์แบบนี้ทำให้หลายคนต้องหวนกลับสู่บ้านเกิด และส่วนใหญ่ก็กลับไปทำอาชีพเกษตรกรรม แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าทุกคนที่ทำเกษตรจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะปัญหาในภาคเกษตรของไทยในปัจจุบันคือ เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นเก่า ที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่นิยมไปทำงานในเมือง การทำเกษตรของคนรุ่นเก่าบางครั้งจึงยังไม่ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ที่เกิดขึ้น แตกต่างจากคนรุ่นใหม่ ที่แม้ประสบการณ์ด้านเกษตรยังน้อย แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วและเปิดรับการพัฒนานวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อสนองต่อความต้องการของตลาดในเชิงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจัดโครงการ “นำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร” ขึ้น เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจที่จะหันมาประกอบอาชีพด้านการเกษตร มีความสมัครใจและพร้อมที่จะกลับไปทำการเกษตรที่บ้านเกิดของตนเอง มีที่ดินเป็นของตัวเอง หรือหากไม่มีก็สามารถเช่าที่ดินเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้หรือจะเข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อรับการจัดสรรที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์ ซึ่งมีอยู่ 17 แห่ง พื้นที่ 639 ไร่ทั่วประเทศ ให้เข้าไปใช้ประโยชน์ในลักษณะการทำเกษตรแบบแปลงรวมก็ได้ โดยกรมฯ จะประสานหน่วยงานต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนในด้านองค์ความรู้ในการทำการเกษตร ทั้งปลูกพืชผัก เลี้ยงปลา และทำปศุสัตว์ ตามความประสงค์ที่แจ้งไว้ในใบสมัคร โดยจะใช้รูปแบบเกษตรผสมผสาน หรือหลักเกษตรทฤษฎีใหม่มาบริหารจัดการพื้นที่การเกษตร และส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่หรือเกษตรแม่นยำเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังจะสนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมอาชีพการเกษตรที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและความต้องการของตลาดเพื่อความมั่นคงในชีวิตและอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่ และเป็นพี่เลี้ยงแก่เยาวชนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ นับตั้งแต่การถ่ายทอดความรู้การทำ
เกษตรในแนวทางต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จัดหาปัจจัยการผลิตบริการเครื่องจักรและเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสนับสนุนโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนประกอบอาชีพ และแนะนำช่องทางการจำหน่ายผลผลิตสู่ตลาด
โครงการนี้ ได้เปิดดำเนินการรับสมัครมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ทราบว่าได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวเลขล่าสุดราว 7,560 คน และมีสหกรณ์ที่สนใจสมัครเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงจำนวน 482 สหกรณ์ แต่ก็ยังขยายการรับรับสมัครในส่วนของสหกรณ์ที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงเพิ่มเติมจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 นี้...ซึ่งการที่สหกรณ์เข้ามามีส่วนขับเคลื่อนโครงการนี้ จะเป็นโอกาสดีที่คนรุ่นใหม่และขบวนการสหกรณ์ได้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น และหากคนรุ่นใหม่ที่มีองค์ความรู้จากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร นักเกษตร นักการตลาด ทั้งที่เป็นลูกหลานสมาชิกสหกรณ์หรือยังไม่เป็นก็ตาม จะสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร และเข้ามาเป็นผู้บริหารหรือมีส่วนช่วยในการพัฒนาสหกรณ์ในภายภาคหน้า และจากการที่เป็นโครงการที่ดี ขณะนี้ทราบว่ามีหน่วยงานภาคีนอกกระทรวงเกษตรฯสนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้ด้วย เช่น ธ.ก.ส. กรมการค้าภายใน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คณะกรรมการอาชีวศึกษา กรมการปกครอง บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชัน จำกัด และเทสโก้ โลตัส เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากเดิมโครงการนี้จะจัด Kick off ในวันที่ 22 มีนาคม นี้ เพื่อนัดแนะเกษตรกรมารับฟังคำชี้แจงการขับเคลื่อนโครงการฯ ก่อนตัดสินใจยืนยันเข้าร่วมโครงการเป็นครั้งสุดท้าย โดยในวันงาน Kick off ยังจะจัดให้มีวิทยากรมาให้คำแนะนำรวมถึงคัดเลือกเกษตรกรต้นแบบในแต่ละสาขามาให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียน แลกเปลี่ยนก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะช่วยคัดกรองให้ได้ผู้ที่มีความตั้งใจจริงเท่านั้นมาร่วมโครงการนี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิท 19 จึงได้เลื่อน Kick off ออกไปก่อนเป็นช่วงประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2563 แทน แต่ในระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศจะติดต่อผู้เข้าร่วมโครงการ ลงพื้นที่และสำรวจความพร้อมของผู้สมัครเป็นการเบื้องต้นไปก่อน...นับว่าเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับขบวนการสหกรณ์ในอนาคต และสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นเกษตรกรแถวหน้าได้เป็นอย่างดี
สุธิพงศ์ ถิ่นเขาน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี