จนท.บุกค้น”ไทยเฮลท์”รอบสอง“พันธ์ยศ”อ้างหน้ากากมีไว้บริจาคให้ ”นักรบชุดกาวน์-ปชช.” ย้อนถามกลับผิดข้อหาใด คนการเมืองอื่นที่ทำแบบนี้ผิดหรือไม่ พร้อมท้า"อัจฉริยะ"เปิดข้อมูล หากมั่วขอใช้สิทธิปกป้องตัวเอง
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคภราดรภาพ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายจนถึงค่ำวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) จำนวนหนึ่ง มาขอตรวจค้นอาคาร Thaihealth เขตหนองแขม กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากกรณีที่นายศรสุวรีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย เคยโพสต์จำหน่ายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น และเคยใช้ภาพที่บางส่วนเกี่ยวข้องกับอาคารของตนนั้น
นายพันธ์ยศ กล่าวว่า โดยการตรวจค้นคราวนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสามหน่วยงานตรวจพบหน้ากากอนามัยซึ่งเจ้าหน้าที่เคยมาตรวจแล้วเมื่อครั้งก่อนและชุดป้องกันโควิด-19 ที่ตนนำมาเตรียมมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนไว้ใช้ดูแลประชาชน ซึ่งไม่นานมานี้ตนได้นำไปบริจาคให้ประชาชน บุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลหลายแห่งแล้ว ซึ่งตนยืนยันไปว่า หน้ากากอนามัยที่มีอยู่และชุดป้องกันโควิด-19 ที่ตนมีอยู่นั้น ตนบรรจุในกล่องใหม่แล้วเขียนไว้บนซองว่า สำหรับบริจาคเท่านั้น แต่ตนยินดีให้ตรวจสอบในครั้งนี้ โดยตำรวจบก.ปอท.แจ้งว่า ขออายัดของกลางนี้ไว้ก่อน ตนจึงสอบถามว่า ตนมีความผิดในข้อหาใดเพราะตนไม่ได้กักตุนไว้จำหน่ายและเป็นของเก่าที่เตรียมไว้บริจาค ซึ่งตำรวจบก.ปอท.แจ้งมาว่า ขอให้ตนไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องนี้
นายพันธ์ยศ กล่าวต่อว่า ตนยินดีที่จะไปให้ข้อมูลกับภาครัฐทุกหน่วยงาน แต่กรณีนี้นั้น ตนสอบถามเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่มาร่วมตรวจค้นในครั้งนี้ว่า อายัดสิ่งเหล่านี้ด้วยความผิดใด ซึ่งตนได้รับคำตอบมาว่า เป็นการดำเนินการตามมาตรการแก้ปัญหาด้วยมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งถือ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 ได้กำหนดให้สินค้าหน้ากากอนามัยเป็น “สินค้าควบคุม” เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 และกำหนดมาตรการขั้นเริ่มจากบังคับให้ผู้ถือครองหน้ากากอนามัย 500 ชิ้น เจลล้างมือ ต้องแจ้งปริมาณ สถานที่จัดเก็บ แจ้งโครงสร้างราคาต้นทุน
“ผมสอบถามกลับไปว่า สิ่งที่อยู่ในสถานที่ของผมในครั้งนี้ ผมไม่ได้จำหน่าย แต่มีไว้เพื่อบริจาค และขอถามว่าตอนนี้สถานพยาบาลหลายแห่งโพสต์ขอรับบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากากอนามัย และมีนักการเมืองบางพรรคก็นำหน้ากากอนามัยไปบริจาคจำนวนมาก ผมจึงสอบถามไปว่า การกระทำแบบนั้นมีการแจ้งกระทรวงพาณิชย์ก่อนที่จะดำเนินการหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน” นายพันธ์ยศ กล่าว
และว่า ตนเห็นข่าวหลายวันก่อนว่านายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่กล่าวว่า กรณีของผมนั้นสายตรวจกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการกักตุนหน้ากาก 1,500 ชิ้น จึงออกหมายเรียกมาดำเนินคดี ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ ซึ่งกรมการค้าภายในมีอำนาจจะเปรียบเทียบปรับได้เลย ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากกรณีของนายศรสุวีร์นั้น ผมมีข้อสังเกตว่า การตรวจสอบครั้งล่าสุดในสถานที่ของผมนั้น อยู่ในกรณีนี้หรือไม่ ผมก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงที่แน่ชัดในการตรวจคราวนี้ แต่ขอย้ำว่า ผมพร้อมไปพบและพร้อมชี้แจงกับกระทรวงพาณิชย์ แต่ควรแจ้งให้ผมทราบให้ชัดว่าผมทำผิดข้อหาใด เพราะเจตนาของผมคือบริจาค มิได้มีไว้จำหน่าย
นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ตอนนี้ตนขอไปพบเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เรียบร้อย การที่โรงพยาบาล สถานพยาบาลและหน่วยงานอื่นๆที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตนขออภัยและขอเลื่อนไปก่อนเพื่อไปทำความชัดเจนเรื่องนี้ให้แน่ชัดและยุติโดยเร็ว
“ผมขอย้ำว่า ประชาชนอย่าตระหนกกับไวรัสตัวนี้ ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรัฐบาลที่มีมาตรการออกมาอย่างเคร่งครัด หากทุกคนทำได้ บ้านเมืองของเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี ผมเชื่อมั่นคนไทยทุกคนว่ามีน้ำใจ เคารพกติกา พร้อมช่วยเหลือกันและกันในยามทุกข์ยาก หลายเหตุวิกฤตในบ้านเมืองก็ผ่านมาได้ด้วยดีเพราะคนไทยร่วมใจกัน”นายพันธ์ยศกล่าว
นายพันธ์ยศ กล่าวว่า กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบขบวนการการกักตุนหน้ากากอนามัยว่าตนเกี่ยวข้องเเละอ้างว่าตนหลอกขายชุดพีพีอีเเพงเกินจริงนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นจริงตามที่นายอัจฉริยะอ้างทุกกรณี ตนขอใช้สิทธิทางกฎหมายปกป้องตัวเองเเละสิ่งที่นายอัจฉริยะกล่าวไว้นั้นขอให้พิสูจน์ออกมาให้หมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี