‘สตม.’เคลียร์ข้อสงสัยเด็กปชป. ย้ำทำหน้าที่เต็มกำลัง ประสานข้อมูลทุกส่วนร่วมสกัด‘โควิด’เต็มที่
31 มีนาคม 2563 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) ในฐานะโฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1(รอง ผบก.ตม.1) ในฐานะรองโฆษก สตม. และ พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะรองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า จากกรณีข่าวที่ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่าผิดหวังที่ ตม. ไม่ส่งข้อมูลต่างชาติที่เดินทางมาจากกลุ่มเสี่ยงให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในพื้นที่กักตัว ต้นเหตุของการตามตัวไม่เจอ จนต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ช่วยตรวจสอบแขกที่พัก เพื่อแจ้งไปยังสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในพื้นที่ ทั้งที่ฐานข้อมูลใหญ่ คือ ตม. ตั้งแต่ชาวต่างชาติเหยียบเข้ามาในประเทศไทย และยังได้อภิปรายในสภาว่า ตม. ควรปรับบทบาทมาเพิ่มเรื่องการเฝ้าระวังโรคข้ามชาติมากขึ้นนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ขอเรียนว่าตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สตม.ได้ตระหนักและเฝ้าระวังต่อปัญหาดังกล่าว จึงได้ตั้งวอร์รูม ศูนย์บริหารเหตุการณ์เพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2563 และมีการประชุมทุกวันอย่างต่อเนื่อง มีการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย สตม.ได้นำส่งรายชื่อนักท่องเที่ยวทุกรายทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางเสี่ยง นอกจากนั้นยังจัดรถสายตรวจอัจฉริยะและเจ้าหน้าที่ไปรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดหรืออำเภอไปติดตามตรวจสอบวัดไข้อุณหภูมิบุคคลดังกล่าว ร่วมกับบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขโดยใกล้ชิด และเป็นไปอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะชาวจีนที่มาจากอู่ฮั่นและกวางโจว ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้น สตม.ยังได้ร่วมกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และกรมควบคุมโรค ร่วมกันคัดกรองโรค มาตั้งแต่ปลายปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยวางแผนร่วมกันตั้งแต่การจัดหลุมจอดเฉพาะ การตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน เมื่อพบผู้ต้องสงสัยจะส่งรายชื่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
อีกทั้งยังได้สั่งการให้ บก.ตม.ต่างๆสนับสนุนข้อมูล โดยการนำข้อมูลการแจ้งที่พัก จัดส่งให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด (ตม.จว.) ต่างๆ เพื่อประสานกับ สสจ.ในพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบที่พักทุกวัน โดยมีการคัดกรองผู้เดินทางและส่งข้อมูลให้กระทรวงสาธารณสุข ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขสะสมถึงวันที่ 29 มีนาคม 2563 ทางสนามบิน 4,333,359 คน ท่าเรือ 129,292 คน ด่านพรมแดน 1,729,178 คน รวมถึงข้อมูลการขออยู่ต่อและการแจ้งที่พัก ของ บก.ตม.1 (ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ) 133,812 คน
ขณะเดียวกันปัจจุบัน สตม. ยังดำเนินการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดย นำส่งรายชื่อ ให้แก่ 1.กระทรวงสาธารณสุข 2.ผู้ว่าราชการจังหวัด 3.ผบก.ภ.จว. ซึ่งเจ้าหน้าที่ สตม ได้ทุ่มเทเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด นอกจากนี้ในส่วนที่พักอาศัยที่ไม่ได้เป็นโรงแรมตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรงแรม เช่น เกคส์เฮาส์ โฮมสเตย์ คอนโดมิเนียม( นิติบุคคล) ตลอดจนการให้ต่างชาติพักบ้านส่วนตัว ฯลฯ ได้มีการจัดเก็บข้อมูลไว้อย่างต่อเนื่อง และมีการไปตรวจจับหากพบมีการกระทำความผิดไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดอยู่แล้ว จึงขอชี้แจงมายังพี่น้องประชาชน ให้เข้าใจถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานสูงสุดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี