"หมอทวี"เผยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 50% วันแรกไม่มีไข้ พบอุณหภูมิต่ำกว่า 37.5 c° ด้าน"หมอโสภณ"ระบุผลตรวจ ชาย 57 ปีกลับจากปากีสถาน ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ วัดอุณหภูมิได้ 35.1 c° คาดเหตุตายเฉียบพลันไม่ใช่จากโควิด เพราะผู้ป่วยยังสามารถเดินทางเองได้ ส่วนพรก.ฉุกเฉินฯลดจำนวนผู้ป่วยใหม่ได้หรือไม่ ต้องรอดู 1 สัปดาห์
วันที่ 2 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ตอบข้อสงสัยของสื่อมวลชนกรณีที่ชายไทยวัย 57 ปี ที่กลับจากปากีสถาน สามารถผ่านด่านคัดกรองที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ต่อมาเสียชีวิตระหว่างเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ- สุไหงโกลก ทั้งที่พบว่าติดเชื้อไวรัสโควิดนั้น ชายคนดังกล่าววัด อุณหภูมิที่สนามบินได้ 35.1 องศาเซลเซียส ซึ่งอาการเสียชีวิตเฉียบพลันไม่ใช่ ลักษณะอาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด แม้จะมีอาการไอแต่ก็ไม่มากและซื้อตั๋วรวมทั้งเดินทางเองได้ โดยยังไม่ปรากฏอาการเหนื่อยหอบ
ด้านนายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนันท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจากประวัติของผู้ที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 50 เปอร์เซ็นต์หรือครึ่งหนึ่ง ในวันแรกจะไม่มีไข้ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งจะมีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และวันที่ 2-3 ไข้จะขึ้นกว่า 90% รวมมีอาการหวัด ไอ อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้จากคลิปจะเห็นได้ว่ามีอาการไอไม่มาก แต่ระหว่างทางอาเจียน ซึ่งหากมีอาการปอดเป็นสาเหตุหลักจากการติดเชื้อทางเดินหายใจโควิด-19 จะไม่สามารถเดินทางเองได้ ทั้งนี้ จากประวัติผู้ป่วยมีอาการจากหัวใจและเป็นเบาหวานชนิดต้องฉีดอินซูลินคุมน้ำตาลและอาการกำเริบเพราะคุมระดับน้ำตาลให้คงที่ไม่ได้
อย่างไรก็ตามจากการอ่านรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะอาการของผู้ป่วยโควืด-19 ที่ผ่านมา จะพบว่าผู้ป่วยเป็นระยะเวลาหลายวันก่อนจะเสียชีวิตนั้น เริ่มจากเชื้อไวรัสลงปอดแล้วจึงไปทำลายปอด ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุเสียชีวิตเฉียบพลันอาจจะมาจากโรคหัวใจ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการชะลอจำนวนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินั้น นายแพทย์โสภณ กล่าวว่ามาตรการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเสนอคือเฝ้าระวังดูอาการ 14 วัน ก่อนเดินทางเข้าประเทศของผู้ที่มาลงทะเบียนกับสถานทูต ว่ามีอาการป่วยหรือไม่ และต้องไม่มีไข้ก่อนขึ้นเครื่อง สำหรับการคัดกรองคนที่มาจากทุกประเทศขณะนี้เราใช้มาตรการเดียวกันหมด เพราะประเทศที่มีการระบาดมากกว่าประเทศไทยถือว่ามีความเสี่ยงต้องยกระดับการตรวจให้เข้มข้น แต่ประเทศที่มีผู้ป่วยน้อยก็ถือว่ามีปัญหาเช่นกัน
ส่วนการบังคับใช้กฎหมายให้ปฏิบัติตามพระราชกำหนดฉุกเฉินฯมีผลต่อการควบคุมโรคหรือไม่ นายแพทย์โสภณกล่าวว่าที่ผ่านมา พระราชกำหนดฉุกเฉินทำให้ช่วยลดการสัมผัสโรคได้ชัดเจนในส่วนสั่งปิดสถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง รวมทั้งลดการเดินทางของผู้คน ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ทราบผลว่าสามารถลดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่นั้น ก็จะต้องรอดูผลต่อจากนี้อีก 1 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี