วันที่ 7 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 2 ศพที่บริเวณป้ายทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา ม.9 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ต่อมา พ.ต.อ.ฐิติวัชร สุฐิติวนิช ผกก.สภ.ท่าชนะ/เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 พร้อมด้วยนายวิสูตร อินทรกำเนิด นายอำเภอท่าชนะจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพแรกเสียชีวิตชื่อนายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 48 ปี ชาวจ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่บริเวณลำคอเสียชีวิตอยู่บนท้ายรถกระยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาวหมายเลขทะเบียนบง 871 จังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้กับรถคันดังกล่าวพบปลอกกระสุนปืนลูกซองที่ยิงแล้วตกอยู่จำนวน 2 ปลอก และห่างจากศพแรกมาประมาณ 15 เมตร พบศพ พระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา และเป็นพระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี สภาพศพถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่บริเวณข้างลำตัวด้านขวามือจำนวน 1 นัด และที่ด้านหลังบริเวณท้ายทอย อีก 1 นัด มรณภาพคาที่ ห่างจากศพไปประมาณ 1 เมตรพบปลอกกระสุนปืนลูกซองที่ยิงแล้วตกอยู่ 1 ปลอกไปประมาณ 8 เมตร พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .380 บรรจุอยู่ในซองปืนตกอยู่ข้างต้นปาล์มน้ำมัน
นายวิสูตร อินทรกำเนิด นายอำเภอได้เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ นายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 เจ้าของพื้นที่ได้รับแจ้งว่าพบแสงไฟในจุดเกิดจึงเดินทางมาตรวจสอบ พบว่า เจ้าอาวาสและนายชูรัตน์กำลังจะจับผึ้งที่มาทำรังอยู่บริเวณเชิงเขาเพลาใกล้กับป้ายสำนักสงฆ์ จึงได้ห้ามปรามจนเกิดเรื่องแต่เกิดโต้เถียงกันต่อมานายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าชนะ พร้อมกำลังชุดปกครอง14 นายรุดมาที่เกิดเหตุ และขณะที่ปลัดกำลังโทรศัพท์รายงานต่อนายอำเภอมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด และผู้ก่อเหตูเป็นนายมานพผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งในเบื้องต้น นายมานพอ้างว่าถูกนายชูรัตน์ใช้มีดขู่และเจ้าอาวาสชักปืนขู่ตนจึงใช้ปืนประจำตัวยิงใส่ทั้งคู่จนเสียชีวิตซึ่งขณะนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ท่าชนะ
จากการสอบถามนายเกษม อิทสุทธิ หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกับพวกได้มาขออนุญาตพระอาจารที่ดูแลสำนักขอจับผึ้งที่อยู่ในเขตเขาเพลาที่เจ้าอาวาสดูแลเพื่อเอาไปทำยาที่เป็นความเชื่อว่าน้ำผึ้งเดือน 5 นำไปผสมยา โดยมีชาวบ้านจำนวน 4 คนมาช่วยกัน แต่ขณะเกิดเหตุตนได้ไปตัดไม้ไผ่เพื่อเอามาทำเป็นทางขึ้นต้นไม้เพื่อจับผึ้ง ก่อนเกิดเหตุได้ยินมีเสียงโต้เถียงกันดังมากต่อมาก็เป็นเสียงปืนตกตกใจจึงหลบหนีไปที่วัด
ขณะที่นายสุพรรณ แสนรัมย์ อายุ 72 ปี กล่าวว่าตนเป็นคนนิมนต์พระชลธารมาจากพื้นที่พะโต๊ะ อ.หลังสวน เมื่อ 11 ปี ก่อนมาท่านมาอยู่ก็ได้พัฒนาวัดจากพื้นที่รกร้างและร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นป่าและสัตว์ป่าจนมีค่าง-ลิง กลับมาอยู่จำนวนหลายร้อยตัวนอกจากนั้นยังมีค้างคาวแม่ก็นับหมื่นตัว จากอดีตที่มีผู้ออกล่าสัตว์จนสัตว์ป่าเหล่านี้เกือบสูญพันธ์ ที่จนได้รับอนุญาตเป็นพุทธอุทยานสำนักสงฆ์ถ้ำเข้าเพลา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เสร้าที่สุดและสร้างความสูญเสียบุคลากรที่มีค่า
ลูกศิษย์พระชลธารเตรียมเคลื่อนไหวเรียกร้องสื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและเตรียมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เจ้าอาวาสผู้สียชีวิต ส่วนอาวุธปืนพกสั้นนั้นเป็นของลูกศิษย์ที่นำอาวุธปืนมาให้เจ้าอาวาสไว้ป้องกันตัว เนื่องพระชลธารเป็นคนพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา และเป็นคนไม่ยอมคน และชอบช่วยเหลือผู้ที่ถูกรังแก จนมีหลายกลุ่มและหลายคนที่ไม่พอใจ
สำหรับพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร นับว่าเป็นพระนักพัฒนาที่รู้จักกันดีของชาวบ้านใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ริเริ่มและชักชวนชาวบ้านให้หันมาอนุรักษ์ป่าหวงแหนธรรมชาติแทนการบุกรุกป่า และยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการชักชวนชาวบ้านทำฝายมีชีวิตแก้ปัญหาน้ำหลากและมีน้ำใช้ตลอดปีในช่วงหน้าแล้งและเคยได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดินปี 2561 โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี