การระบาดของโรคโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ที่ผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาด แต่เกิดปัญหาระบายสินค้าไม่ได้ ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการบริโภคลดลง โดยเฉพาะจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่หายไปกว่า 80% ประกอบกับการขาดสภาพคล่องในการขนส่งกระจายสินค้า แต่อย่างไรก็ดี เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา รมว.เฉลิมชัย ได้เร่งสั่งการให้ผู้บริหารระดับสูง ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ประกอบด้วย 1. มาตรการด้านการผลิต ได้แก่ 1.การบริหารจัดการเรื่องแรงงานเก็บผลไม้ จะมีการผ่อนผันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามเขต ขยายการต่อใบอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวอีก 3 เดือน และเน้นการตรวจสุขภาพให้แก่แรงงานทุกราย 2.การดูแลความเป็นธรรมเรื่องราคาและปริมาณ จะมีการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเข้ามาควบคุม 3.การส่งเสริมให้มีการทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง การส่งเสริมการซื้อขายผ่านสัญญาข้อตกลง และ 4.การเชื่อมโยงการกระจายผลไม้ผ่านห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเน้นแพ็กเกจบรรจุภัณฑ์ ขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) 10 กก. และ 20 กก. เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร 2. มาตรการด้านตลาดในประเทศ ได้แก่ 1.ภาครัฐจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตร โดยขอความร่วมมือไปรษณีย์ไทยมาช่วยในการจัดส่งผลไม้ ฟรี 200 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มปริมาณขึ้นอีก 2.การผลักดันให้นำผลไม้จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการจำหน่ายผลไม้ทางช่องทางออนไลน์ และ 3.การรณรงค์การบริโภคผลไม้ในประเทศ (Eat Thai First) เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคผลไม้ไทยเกรด Premium ในราคายุติธรรมตามฤดูกาล และส่งเสริมให้นำผลไม้มอบเป็นของฝากของขวัญ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอเรื่องเข้า ครม. ในการขอให้ส่วนราชการ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคกว่า 10,000 แห่ง รวมทั้งองค์การมหาชนต่างๆ ช่วยซื้อผลไม้ทุกสัปดาห์ และสร้างจุด Drop Off ทั่วประเทศ 3. มาตรการด้านตลาดต่างประเทศ ได้แก่ 1.เดินหน้าการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในรูปแบบออนไลน์ให้มากขึ้น และ 2.มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เป็นเซลส์แมนขายผลไม้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด และช่วยดูในเรื่องการจัดหาสินค้านำเข้า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศ 4.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ ได้แก่ 1.ช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้ในอัตรา 3% ระยะเวลา 10 เดือน 2.ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้เพื่อส่งออกในอัตรา 3% ระยะเวลา 6 เดือน และ 3.ช่วยค่าใช้จ่ายรวบรวมเพื่อส่งออกอีกกิโลกรัมละ 3 บาท เป้าหมาย 1 หมื่นตัน 5. มาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยเตรียมมาตรการช่วยลดภาระทางการเงิน ซึ่งมอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เป็นหน่วยงานหลัก ซึ่งได้ขอความร่วมมือธ.ก.ส. ผ่อนปรนการชำระหนี้ให้กับเกษตรกร โดยบอร์ด ธ.ก.ส. ได้พิจารณาอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ดังนี้คือ ให้ปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ โดยปลอดการชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี ระยะเวลาการดำเนินมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 เกษตรกรหรือลูกหนี้รายบุคคล ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปไม่เกิน 15 ปี กรณีผู้ประกอบการและสถาบัน ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปไม่เกิน20 ปี นอกจากนี้ จะสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อเสริมสภาพคล่อง ให้เกษตรกร สถาบันเกษตร และผู้ประกอบการเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องดำเนินธุรกิจรายบุคคล ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย -0.25 จากสินเชื่อปกติ ส่วนสถาบัน วงเงินไม่จำกัด อัตราดอกเบี้ย MLR -0.5
สำหรับมาตรการที่ 6. เสริมศักยภาพการบริหารจัดการมาตรฐานผลไม้ ได้แก่ สร้าง Central Lap ของไทยกรณีสินค้าเกษตรส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะไม่มีการตรวจสอบซ้ำที่ด่านปลายทาง ทั้งนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานฝ่ายจีน และเร่งออกใบรับรองมาตรฐาน GAP ให้เกษตรกรไทย รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ด้านเทคนิคการบรรจุห่อเพื่อยืดอายุผลไม้ในยาวนานขึ้น 7.มาตรการเก็บรักษาและแปรรูปสร้างมูลค่าผลไม้ โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยให้นำผลไม้ส่วนเกินเข้าสู่ระบบการเก็บรักษาด้วยการอบการแช่เย็นและวิธีอื่นๆ แปรรูปผลไม้เป็นอาหารและเครื่องดื่มสำหรับตลาดในและต่างประเทศ 8.มาตรการเพิ่มปริมาณการบริโภคภายในประเทศ โดยวางระบบโลจิสติกส์และการจำหน่ายผลไม้ทุกชุมชนทั่วประเทศโดยสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรผลไม้ร่วมกับผู้ประกอบการผลไม้และผู้ประกอบการบริการโลจิสติกส์ โดยการสนับสนุนงบประมาณของคชก.และกระทรวงพาณิชย์รวบรวมผลผลิตขนส่งและจำหน่ายทั่วประเทศผ่านร้านธงฟ้า สหกรณ์ รถเร่และตลาดชุมชนกว่า 70,000 จุด ตลอดจนขอความร่วมมือหน่วยราชการส่วนกลาง/ภูมิภาค/ท้องถิ่น-รัฐวิสาหกิจ-องค์กรมหาชน-รัฐสภา-องค์กรอิสระช่วยซื้อผลไม้โดยแจ้งปริมาณจะจัดส่งทุก 5 วัน และขอความร่วมมือเป็นจุดขาย....ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีและต้องทำอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้จะแย่ไปกว่านี้ เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน แล้วเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ
สุธิพงศ์ ถิ่นเขาน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี