16 เมษายน 2563 นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการแถลงข่าว เรื่อง สถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่ 21 ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดร้อยเอ็ด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายเจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด นายโสภณ เจริญพร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด นางวิชิตา เลิศพุทธิพงศ์พร คลังจังหวัดร้อยเอ็ด นายแพทย์พิทักษ์พงศ์ พายุหะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ร่วมแถลงข่าว
จังหวัดร้อยเอ็ด มีผู้เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 (ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 15 เมษายน 2563) จำนวน 231 ราย พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จำนวน 3 ราย (กลับบ้าน 3 ราย) ตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 222 ราย และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 6 ราย ข้อมูลการติดตามผู้เดินทางมาจากพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2563) แยกกักกันตัวเองที่บ้านพักจำนวน 136 คน ติดตามเฝ้าระวังครบ 14 วัน จำนวน 132 คน และอยู่ในระหว่างติดตามยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 4 คน ส่วนการติดตามผู้เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 29 ประเทศ คุมไว้สังเกตอาการที่บ้านพัก จำนวน 447 คน ติดตามครบ 14 วัน จำนวน 421 คน อยู่ระหว่างติดตามยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 26 คน
ข้อมูลผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพ ปริมณฑล (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 15 เมษายน 2563) แยกตัวสังเกตอาการที่พัก จำนวน 21,936 คน ติดตามครบ 14 วัน จำนวน 17,617 คน ยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 4,319 คน และผู้เดินทางมาจังหวัดพื้นที่เสี่ยงอื่น แยกตัวสังเกตอาการที่พัก จำนวน 9,573 คน ติดตามครบ 14 วัน จำนวน 6,401 คน ยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 3,172 คน
สถานการณ์ทั่วโลกใน 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ (ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม ถึง 15 เมษายน 2563 เวลา 12.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ จำนวน 1,981,239 ราย เสียชีวิต 126,722 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 609,240 ราย เสียชีวิต 26,033 ราย รองลงมา คือ สเปน 174,060 ราย เสียชีวิต 18,255 ราย และอิตาลี 162,488 ราย เสียชีวิต 21,067 ราย
สถานการณ์ในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2563) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม จำนวน 2,643 ราย มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 30 ราย เสียชีวิตสะสม 43 ราย ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมอยู่ในลำดับที่ 50 ของโลก
จากกรณีศึกษาการเกิดโรคโควิด-19 ในประเทศไทยพบว่ามีการติดเชื้อมาจากต่างประเทศแล้วแพร่เชื้อให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว ชุมชน รวมทั้งสถานที่ที่สัมผัสกับชาวต่างประเทศ จากกรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าหากควบคุมการเข้าประเทศได้อย่างเข้มงวด จะสามารถหยุดการแพร่เชื้อได้
จังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอความร่วมมือกับกลุ่มที่ต้องกักกันตัวเอง อันประกอบด้วย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ผู้เดินทางมาจากกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ ขอให้ปฏิบัติตามกระบวนการกักตัวของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด 14 วัน ดังนี้ แยกอยู่ แยกห้องพัก ไม่อยู่ร่วมกับคนในครอบครัว แยกกิน แยกสำรับอาหาร ไม่กินร่วมกับคนอื่น แยกสิ่งของเครื่องใช้ แยกทำความสะอาด สวมหน้ากากผ้าเมื่อออกนอกที่พัก ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นาน 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงการพูดคุยและใกล้ชิดกับคนอื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยทุกโรค และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี “ล้างมือ กินร้อน ไม่กินร่วม สวมหน้ากากอนามัย อยู่ไกลกัน 2 เมตร”
ภายหลังการแถลงข่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับมอบเจลล้างมือ 15 ลิตร น้ำดื่ม 600 ขวด จากบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด สาขาร้อยเอ็ด รับมอบหน้ากากผ้า จำนวน 1,000 ชิ้น จากบริษัท แทร็กซ์อินเตอร์เทรด จำกัด และรับมอบสบู่ จำนวน 10,000 ก้อน จากบริษัท ชอว์ตี้เวิลด์ จำกัด เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการตั้งด่านคัดกรอง บุคคลเข้า-ออกจังหวัดร้อยเอ็ด และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) จังหวัดร้อยเอ็ด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี