โควิด-19ลามต่างด้าวสงขลา
ยอดป่วยอีก53
สธ.ส่งทีมแพทย์ไปเร่งกู้วิกฤติ
ด่านชายแดนใต้คัดกรองเข้ม
นร.ไทยจ่อกลับบ้านอีก300คน
นายกฯกำชับดูแลทุกคนให้ดี
รัฐบาลยันไม่ตัดงบบัตรทอง
ศบค. แถลงยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง 53 คน พบอยู่ในศูนย์กักขังแรงงานต่างด้าวสะเดา 42 คน ยอดตายเพิ่ม 1 คน สาเหตุติดจากคนในครอบครัว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังคงคัดกรองเข้มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ทางด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ด้านนายกรัฐมนตรีกำชับ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกันดูแลป้องกันคนไทยกลับจากมาเลเซียและพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสมรณะปลัด สธ.ยืนยัน ไม่มีการตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 53 ราย ผู้ป่วยหายแล้วเพิ่มเติม 57 ราย รวมผู้ป่วยหายแล้วเดินทางกลับบ้าน 2,547 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 51 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นชายไทยอายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างและสัมผัสผู้ป่วยยืนยันภายในครอบครัว 4 รายคือพ่อแม่ น้องชาย และน้องสะใภ้ โดยผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการวันที่ 1 เมษายน มีไข้ ไอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลใน กทม.ผลเป็นปกติ ได้ยามาทานที่บ้าน จากนั้นวันที่ 12 เมษายน มีอาการอีกครั้งไข้สูง 40 องศา หายใจลำบาก จึงส่งตรวจหาเชื้อ ผลตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และวันที่ 16 เมษายน อาการแย่ลง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตวันที่ 24 เมษายน
ผู้ติดเชื้อ42รายเป็นแรงงานต่างด้าว
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 4 ราย ผู้ป่วยที่มาจากการตรวจแบบเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดยะลา 7ราย และผู้ป่วยที่ตรวจเชิงลึกในศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา 42 ราย โดยกลุ่มนี้เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด เป็นคนพม่า 34 ราย เวียดนาม 3 ราย มาเลเซีย 2 ราย เยเมน กัมพูชา และอินเดีย ชาติละ 1 ราย โดยการพบผู้ป่วยกลุ่มนี้เนื่องจากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่ทราบข่าวการแพร่ระบาดของกลุ่มคนงานต่างด้าวในประเทศสิงคโปร์ จึงให้ตรวจสอบเชิงรุกตามพื้นที่กลุ่มเสี่ยง รวมถึงมีการประกาศเขตโรคติดต่ออันตรายเพิ่มเติม 5 ประเทศ คือประเทศมาเลเซีย กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และพม่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เราจึงให้ความสำคัญ ทำให้เกิดกระบวนการค้นหามากขึ้น
ยันทำตามหลักมนุษยธรรม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า และเมื่อเจอ 42 รายดังกล่าว ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เข้าไปดูแลในส่วนนี้เป็นอย่างดี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาการเบื้องต้น 42 รายยังแข็งแรงดีอยู่ จากนี้จะเอ็กซเรย์ปอดเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่อไป ยืนยันว่าที่เราทำเป็นไปตามหลักการตามมนุษยธรรมที่ต้องดูแลทุกคน และขอบคุณชาวสงขลาที่มีไมตรีจิตจัดพื้นที่ดูแลคนเหล่านี้ และขอยืนยันว่าคนในพื้นที่สงขลาจะไม่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากคนเหล่านี้ เราจะไม่ยอมให้เสี่ยง เมื่อเรารู้จุดที่มีการแพร่ระบาดก็จะเข้าไปจัดการพื้นที่เหมือนกับการดำเนินการในเขตโรงพยาบาลเพื่อไม่ให้มีการกระจายเชื้อ
ชี้คลายล็อกต้องยึดสถิติ-ฐานข้อมูล
เมื่อถามว่า ผู้ผลิตละครสอบถามว่าจะมีการคลายล็อกอย่างไร และรัฐบาลใช้เกณฑ์อะไรพิจารณาการผ่อนคลายสำหรับกิจกรรมต่างๆ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การจะผ่อนคลายอะไรจะไปดูสถิติและฐานข้อมูลเป็นหลัก กระทรวงสาธารณสุขเคยบอกหลายครั้งแล้ว เช่น ชุดพฤติกรรมจัดปาร์ตี้สังสรรค์ สนามมวย หรือพื้นที่คนแออัด มีความเสี่ยง ทุกคนคงยอมรับแล้วว่าไม่น่าจะให้เปิดสถานที่เหล่านี้ เพราะการติดเกิดจากการเข้าใกล้กัน อย่างไรก็ตามกิจกรรมไหนที่ห่างกันได้ก็ยอมให้เปิดได้ รูปแบบกิจกรรมจะเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่แค่รัฐเป็นคนตัดสินใจ ผู้ประกอบการก็สามารถเสนอมาตรการในการดูแลกิจกรรมของตัวเองได้ ถ้ามั่นใจว่าข้อเสนอต่างๆจะทำได้อย่างแข็งขัน และยอมรับกับการตรวจสอบเป็นระยะ ก็สามารถเปิดได้
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 53 คน วันนี้จะมีผลในการตัดสินใจคลายล็อกหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความเป็นจริง ซึ่งประเทศสิงคโปร์จากเดิมที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่สูงมากก็เพิ่มเป็นหลักหมื่น โดยเริ่มจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว เราเรียนรู้สิ่งเหล่านี้และมาสแกนหาในประเทศ ถ้าเจอก็รักษา และผู้บริหารทุกระดับยืนยันให้เปิดเผยตัวเลขจริงแก่ประชาชนเหมือนกับที่ผู้บริหารรับทราบ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือ
ปลัดสธ.ยืนยันไม่ตัดงบบัตรทอง
ต่อมาเวลา 12.45 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักงบประมาณ พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงการจัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)โดย นพ.สุขุม กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ว่า งบประมาณในส่วนนี้จำนวน 2,400 ล้านบาท นั้นไม่ได้ถูกตัดตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ยืนยันไม่กระทบการดูแลประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์โควิด-19 งบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลาง 3,000 ล้านบาท ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มเติม ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจจากผู้ป่วย ทำห้องความดันลบ ยืนยันการดูแลประชาชนไม่มีเปลี่ยนแปลงมีแต่จะดีขึ้น ขอให้มั่นใจ เพราะงบสำหรับบัตรทองมีการวางไว้ตั้งแต่ต้นปี และนายกฯก็ยังให้มาสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ส่วนการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์กว่า 40,000 ตำแหน่งตามมติ ครม.เมื่อ 15 เมษายนนั้น แต่ละปีกระทรวงสาธารณสุขมีรายได้จากงบประมาณและนอกงบประมาณ ซึ่งตอนต้นปีมีการกำหนดเงินเดือนจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งคนที่ได้รับการบรรจุมีการเตรียมงบประมาณบำรุงอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้
ด้านนางนฤมล กล่าวว่า นายกฯให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพประชาชน จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณหารือกันเพื่อหาเงินมารองรับไม่ให้กระทบทั้งสองส่วน ทั้งการบรรจุบุคคลาการทางการแพทย์และการดูแลประชาชนที่ถือสิทธิ์บัตรทอง ยืนยันผู้ถือสิทธิประโยชน์ของบัตรทองไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ขอให้มั่นใจยังมีสิทธิ์รักษาตามเดิมทั้งหมด ส่วนการบรรจุบุคคลากรทางการแพทย์กว่า 40,000 ตำแหน่ง มีแหล่งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ซึ่งนายกฯได้สั่งการว่าการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ต้องไม่กระทบกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ถือสิทธิ์บัตรทอง
คัดกรองเข้มคนไทยกลับจากมาเลย์
วันเดียวกัน ที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ยังคงมีมาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้นกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย หลังจากที่ต้องเปลี่ยนจากด่านพรมแดนสะเดาที่พบเจ้าหน้าที่ตม.ติดเชื้อโควิด19 มาเข้าทางด่านพรมแดนปาดังเบซาร์แทนเป็นเวลา 7 วันระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน
โดยบรรยากาศที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ในวันนี้ก็ยังคงมีคนไทยในมาเลเซียทยอยเดินทางกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้ายอดลงทะเบียนการเดินทางวันนี้จำนวน 100 คนซึ่งเป็นยอดที่จำกัดการเดินทางเข้ามาในแต่ละวันเพื่อให้ง่ายต่อการคัดกรองและนำไปกักตัว 14 วัน และทุกคนก็ให้ความร่วมมือในการเข้าสู่กระบวนการคัดกรองทุกขั้นตอนรวมถึงการส่งไปกักตัวที่ศูนย์กักที่เตรียมไว้ 14 วันส่วนกรณีที่มีอาการอยู่ในข่ายเฝ้าระวังก็จะถูกต่อไปยังรักษาที่โรงพยาบาลปาดังเบซาร์และโรงพยาบาลสะเดาทันที
ด้าน รพ.สะเดาได้รายงานจำนวนผู้เข้ารับการกักตัวทั้งจากกรณีที่มีผลสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ ตม.สะเดาและผู้ใกล้ติดเชื้อโควิด19 จำนวน 7 คน ขณะนี้ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 122 คน เป็นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา 83 คน และผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งผู้ใกล้ชิดและคนไทยที่กลับมาจากประเทศมาเลเซีย 39 คน
กห.-เหล่าทัพติดตามมาตรการกักตัว
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม(โฆษก กห.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห. และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัด กห. ได้ประชุมร่วมกับ นขต.กห. และเหล่าทัพ เพื่อติดตามการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ (State Quarantine) ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยสรุปภาพรวม ณ 19 เมษายน สถานภาพคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ เข้าสู่กระบวนการคัดกรองและยังคงพักอยู่ในสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐที่กำหนด จำนวน 1,848 ราย และยังคงอยู่ในการดูแลเฝ้าระวังกักตัวเองที่บ้านพัก 174,846 ราย โดยสาธารณสุขในพื้นที่ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 18-24 เมษายน มีคนไทยเดินทางผ่านแดนกลับจากมาเลเซีย รวม 2,681 ราย เดินทางโดยถูกกฎหมาย 1,761 ราย และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 920 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้าตรวจคัดกรองในทุกด่านชายแดนและส่งต่อกลับภูมิลำเนาเข้ากักตัวควบคุมโรคในสถานที่ที่แต่ละจังหวัดกำหนด ภายใต้การดูแลของสาธารณสุขและหลายหน่วยงานในพื้นที่
ผนึกกำลังช่วยเหลือประชาชน
นอกจากนั้น ทุกเหล่าทัพได้ร่วมกับตำรวจ จัดกำลังคัดกรองการผ่านเข้าออกตามแนวชายแดน จัดตั้งจุดตรวจ จุดควบคุมและสายตรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทำสะอาดล้างสิ่งปนเปื้อนในพื้นที่สาธารณะ จัดทำหน้ากากผ้าแจกจ่ายให้ประชาชน สนับสนุนนำผลิตพันธ์การเกษตรออกจำหน่ายในราคาพิเศษแก่ประชาชน และจัดรถครัวสนามเคลื่อนที่กว่า 160 คัน กระจายประกอบอาหารแจกจ่ายตามชุมชนต่างๆ พร้อมทั้งยังคงความต่อเนื่องในการหมุนเวียนกำลังพลเข้าร่วมบริจาคโลหิตกับสภากาชาดไทย ในสภาวะการณ์โลหิตขาดแคลนแล้ว รวมกว่า 1.5 ล้านมิลลิลิตร ทั้งนี้ กรมแพทย์ทหารบกได้สนับสนุนส่งมอบห้องผู้ป่วยความดันลบที่จัดทำขึ้น จำนวน 44 ห้อง ให้ สธ.กระจายติดตั้งใน รพ.ประจำจังหวัด ปัตตานี 17 ห้อง ยะลา 17 ห้องและ นราธิวาส 10 ห้อง เรียบร้อยแล้ว
นายกฯกำชับดูแลคนไทยให้ปลอดไวรัส
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กห. ได้ย้ำให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกันดูแลสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซียผ่านจุดผ่านแดนเข้ามาตรการควบคุมโรคในภูมิลำเนาของตนที่แต่ละจังหวัดกำหนด รวมทั้งดูแลผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายด้วยหลักมนุษยธรรมและต้องเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคแห่งรัฐ พร้อมทั้งขอให้ทำงานร่วมกับ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด องค์กรปกครองท้องถิ่น กำนันและผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ สนับสนุนการดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิมในการปฏิบัติตน เพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID -19
หลังจบประชุม พล.อ.ชัยชาญ’ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความพร้อมของสถานที่และการดำเนินการในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ ณ H2do Residence ซึ่งเป็นที่พักของพระสงฆ์ที่เดินทางกลับจากอินเดีย และ รร.Cinnamon ซึ่งเป็นที่พักของคนไทยที่เดินทางกลับจากตุรกีและมาเลเซีย รวมทั้ง รร.Palazzo
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี