เราจะไม่ทิ้งกันในยามลำบาก “กรมธรรม์ชั่งกิโล” กองทุนสวัสดิการชุมชนจากขยะ ช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลในยุคที่ลูกหลานตกงาน ขาดรายได้ ประธานสภาผู้นำชุมชนบ้านทุ่งหกลั่น แม้เป็นเงินหลักร้อย ก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้
บ้านทุ่งหก หมู่ 5 ตำบลวอแก้วอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง หมู่บ้านขนาดใหญ่258 ครัวเรือน ได้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนกรมธรรม์ชั่งกิโล ดำเนินงานโดย ศูนย์ปิ๊กมาดีซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ในชุมชน โดยมีแนวคิดมาจากการแก้ไขปัญหาขยะในครัวเรือน เพื่อมาเป็นรายได้ให้กองทุนนำไปจัดสวัสดิการให้สมาชิกในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในยามเจ็บป่วย ซึ่งถือเป็นกุศโลบายหนึ่งในการจัดการขยะ และยังได้ช่วยเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีให้บังเกิดขึ้น อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนต่อไป
นายเจษฎา ปาระมี ประธานสภาผู้นำชุมชน/ประธานศูนย์ปิ๊กมาดี กล่าวว่า ชุมชนได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อดำเนินงานโครงการชุมชนน่าอยู่ ตั้งแต่ปี 2560 โดยการพัฒนากลไกการจัดการในชุมชน/หมู่บ้าน ที่เรียกว่า “สภาผู้นำชุมชน” ซึ่งมีองค์ประกอบหลัก คือ คณะกรรมการหมู่บ้านตามโครงสร้างที่มีอยู่เดิม และตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ภายในชุมชน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อค้นหาปัญหาของตนเอง มีการเก็บข้อมูลในพื้นที่เพื่อสามารถระบุถึงขนาดและความรุนแรงของปัญหานั้นๆ อย่างชัดเจน และร่วมกันคิดแนวทางการแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดทำเป็นแผนชุมชนพึ่งตนเอง
โดยชุมชนบ้านทุ่งหก มีปัญหาขยะล้นชุมชน และขาดการจัดการขยะที่ยั่งยืน การใช้สารเคมีทางการเกษตร และมีการบริโภคที่ไม่ปลอดภัย บริโภคผักผลไม้ไม่เพียงพอ จึงพัฒนาเป็นแผนพัฒนาชุมชนด้านการจัดการขยะ การลดใช้สารเคมีทางการเกษตร และการส่งเสริมการบริโภคผักผลไม้ 400 กรัม และมีคณะกรรมการสภาผู้นำชุมชน จำนวน 36 คน ทำหน้าที่ในการเป็นจิตอาสาพัฒนาชุมชนตามแผนพึ่งชุมชนดังกล่าว
กรมธรรม์ชั่งกิโล เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากการแก้ไขปัญหาขยะในชุมชน และต่อยอดเรื่องสวัสดิการชุมชน เนื่องจากชุมชนมีผู้สูงอายุและมีปัญหาด้านรายจ่ายในครัวเรือน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเงินทุนในการจัดสวัสดิการ ให้กับสมาชิกที่เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตขั้นตอนแรกคือการชวนชาวบ้านมาสมัครเป็นสมาชิกกองทุน โดยการนำขยะเข้ามายื่นแทนใบสมัคร ซึ่งใน 50 บาทแรกของมูลค่าขยะ จะถูกนำเข้าสู่กองทุน นอกจากนี้ยังมีการรับบริจาคขยะ หรือการช่วยกันเก็บขยะจากที่สาธารณะ เพื่อนำมาขาย นำรายได้เข้าสู่กองทุนนี้ด้วย
ผลจากการดำเนินงานทำให้เกิดการขยายตัวไปสู่หมู่บ้านข้างเคียงได้แก่ บ้านน้ำจำ หมู่ที่ 7 เป็นหมู่บ้านที่แยกตัวออกมาจากบ้านทุ่งหก มีจำนวนหลังคาเรือน 170 หลังคาเรือน ได้ให้ความสนใจและเข้ามาร่วมดำเนินงานด้วย ปัจจุบัน กองทุนมีสมาชิก 400 ครัวเรือน มีเงินหมุนเวียนประมาณ 50,000 บาท และนำมาจัดสวัสดิการให้สมาชิก เดือนละประมาณ 10,000 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินช่วยเหลือทุกสัปดาห์ สำหรับสมาชิกที่เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล คืนละ100 บาท และเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563ที่ผ่านมา ได้มอบเงินช่วยเหลือสมาชิกหมู่ 5 และหมู่ 7 รวม 7 คน เป็นเงิน 2,500 บาท
“ลูกหลานตกงานกลับมาอยู่ที่บ้าน และพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเจ็บป่วย นอน โรงพยาบาล ก็สามารถนำเงินจำนวนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหารช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้ โดยสภาผู้นำชุมชนมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ยุ่งยาก มีการเก็บข้อมูลสถานสุขภาพของสมาชิกอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสาร ให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการให้คำปรึกษา ให้กำลังใจกันด้วย และขอยืนยันว่าเราจะไม่ทิ้งกันในยามลำบาก” นายเจษฎา ปาระมีประธานสภาผู้นำชุมชนและประธานศูนย์ปิ๊กมาดีเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการช่วยเหลือจากศูนย์ปิ๊กมาดี ซึ่งดูเหมือนจะทำงานได้ตอบโจทย์มาก โดยเฉพาะสถานการณ์ยามเกิดโรคระบาดและมีผลต่อระบบเศรษฐกิจเช่นนี้
นางพะยอม ยอดปา สมาชิกกองทุน หมู่ 7 กล่าวว่า พ่อของตนป่วย เข้านอนโรงพยาบาล 2 ครั้ง รวม 4 วัน ไม่มีเงินแม้จะเติมน้ำมัน ก็ได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการชุมชน ศูนย์ปิ๊กมาดี จำนวน 400 บาทแม้ไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่ก็สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้
บ้านทุ่งหก และบ้านน้ำจำ เป็นชุมชนชนบท สมาชิกในหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีลูกหลานส่วนหนึ่งมีอาชีพรับจ้างในตัวเมือง เช่น ทำงานโรงแรม ร้านเสริมสวย เดินทางกลับบ้านเพราะได้รับผลกระทบกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 และได้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลตามโครงการ เราไม่ทิ้งกัน แต่พบว่ารายชื่อส่วนมากได้ไปผูกกับทะเบียนเกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพเดิมของครอบครัว ทำให้ผู้ลงทะเบียนยังไม่ได้รับเงินเยียวยา
อย่างไรก็ตาม แม้คุณสมบัติจะไม่เข้าข่ายการรับเงินเยียวยา แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่ไม่น้อยสำหรับชาวบ้านหนุน ซึ่งที่นี่มีสภาผู้นำชุมชน ที่มีตัวแทนมาจากหลายภาคส่วน ที่ถือเป็นกลไกในการสื่อสารให้สมาชิกในหมู่บ้านเข้าใจสถานการณ์ปัญหา และร่วมกันค้นหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่เป็นการเข้าไปแก้ไขได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชน “กรมธรรม์ชั่งกิโล” นอกจากจะมีระบบการช่วยเหลือในชุมชนในด้านการเงินแล้ว ยังทำให้คณะกรรมการมีข้อมูลด้านสุขภาพของสมาชิก เห็นภาพรวมด้านสุขภาพ และเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ทัน ขณะเดียวกัน ศูนย์ปิ๊กมาดี ยังทำหน้าที่เป็นช่องทางหรือกลไก ในการประสานงาน ขอรับบริจาค ขอความช่วยเหลือ เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ที่เดือดร้อนอื่นๆ อีกด้วย เช่นผู้พิการในชุมชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงเป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี