"แพทย์" เผยโควิด-19ระบาดทำให้สิงห์สุรางดดื่ม 50% เหตุรายได้น้อยลง และดูแลสุขภาพมากขึ้น ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายในหลายประเทศทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.จุมภฎ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์ความเครียดของประชาชนต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่า การแพร่ระบาดก่อให้เกิดความเครียดและความกังวลซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวและปรับใจ ทั้งนี้จากรายงานพบว่าการดื่มสุราจะเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและอาการรุนแรงของโรคโควิด-19 โดยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันน้อยลง ลดความสามารถของร่างกายในการรับมือกับโรค เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน รวมถึงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่สุดของโรคโควิด-19 เพิ่มความวิตกดังวลและทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า โดยพบสถิติการดื่มสุราของประชาชนขณะนี้น้อยลงร้อยละ 33 และงดการดื่มกว่าร้อยละ 50 ส่วนที่ดื่มเหมือนเดิมร้อยละ 18 โดยสาเหตุที่ดื่มน้อยลงอาจเกิดจากรายได้น้อย อีกทั้งช่วงนี้ไม่มีการจำหน่าย และทำให้เห็นว่ามีประชาชนมีการดูแลตัวเองมากขึ้น
อีกทั้งผลการสำรวจเรื่องการสูบบุหรี่ในช่วงการระบาดโรคของโรค พบว่าจำนวนแรงงานสูบน้อยลงร้อยละ 20 และมีผู้ที่สูบมากขึ้นร้อยละ 15 ปัจจัยจากการเลิกบุหรี่คือรายได้ลดลง ส่วนคนที่สูบมากขึ้นคือคนที่มีภาวะความเครียดความเครียด ทั้งนี้การดูแลสุขภาพจิตเริ่มจากการตั้งสติ ปรับตัวปรับใจ และส่งต่อพลังใจให้ผู้อื่นรอบตัว สิ่งสำคัญของกลุ่มวัยแรงงานคือจะต้องดูแลจิตใจตัวเองและครอบครัว เพื่อผ่านวิกฤตเหล่านี้ไปด้วยกัน
นพ.จุมภฎ ยังกล่างถึงมาตรการดูแลประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตายว่า ในประเทศไทยเรามีหน่วยงานดูแลการฆ่าตัวตายของคนไทยมาโดยตลอด ซึ่งการฆ่าตัวตายเป็นอารมณ์ช่วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว แต่ถ้าเราผ่านจุดนั้นมาได้เราก็จะเข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อมีความรู้สึกนั้นอย่าเก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียว ถ้ามีที่ระบายความรู้สึกดับผู้อื่นก็จะทำให้เรามีอาการดีขึ้น และคนในครอบครัวจะต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งจะต้องดูว่ามีความรู้สึกการทำร้ายตัวเองหรือไม่ โดยความรู้สึกฆ่าตัวตายมักมีความต่างกันระหว่างเหตุผลของตัวเองกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เรามีสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อลดปัญหาควาทเครียดของผู้ป่วยลักษณะนี้
ขณะที่ นพ.ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ และศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ ได้ชี้แจงการดำเนินงานเพื่อป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และชี้แจงข้อมูลเพิ่มใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายปี 2562 จากการรวบรวมโดยเก็บข้อมูลจากมรณบัตร และใบรายงานการตาย พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ เท่ากับ 6.64 ต่อแสนประชากรต่อปี มากกว่าการประมาณการทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งค่าเฉลี่ย 10 ปีก่อนหน้านี้จะอยู่ในช่วงระหว่าง 6 – 6.5 ต่อแสนประชากรต่อปี การสูงขึ้นของตัวเลขนี้ของช่วงปีที่แล้วก่อนที่ภาวะโควิดจะระบาด ในขณะนี้ยังมีสาเหตุที่ไม่แน่ชัด แต่มีทิศทางเดียวกับตัวเลขการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นในหลายๆประเทศทั่วโลก ที่ได้ประกาศมาในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น ประเทศอังกฤษ อยู่ที่ 11.4 ต่อแสนประชากร สูงสุดในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา และสหรัฐอเมริกาที่ตัวเลขสูงขึ้นทุกปี 13 ปีติดต่อกัน โดยสาเหตุอีกประการหนึ่งของตัวเลขในไทยที่สูงขึ้น อาจสืบเนื่องจากการปรับวิธีการคำนวณตัวเลขของกรมสุขภาพจิตให้มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตัวเลขข้อมูลเหล่านี้คือความสูญเสียที่กรมสุขภาพจิตไม่อยากให้มีจำนวนสูงขึ้น
2. สำหรับจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ กรมสุขภาพจิตมีความห่วงใยและกำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเปรียบเทียบฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยำที่สุด โดยปกติแล้วตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายนี้ในประเทศต่าง ๆจะใช้เวลา 3-6 เดือนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำ แต่กรมสุขภาพจิตเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนและอยู่ในความสนใจของประชาชน จึงจะดำเนินการนำเสนออย่างรวดเร็วที่สุดภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ พร้อมทั้งผลักดันมาตรการให้รายงานข้อมูลการเฝ้าระวังการทำร้ายตนเอง (รง 506S) จากหน่วยบริการทั่วประเทศ ให้เป็นปัจจุบันและรายงานข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์ของศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ กรมสุขภาพจิต
สำหรับข้อมูลการประมาณการตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในปีนี้ซึ่งมีการระบาดของโควิด เป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นมากทั่วโลกจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในขณะนี้กรมสุขภาพจิตกำลังระดมนักวิจัยและนักวิชาการด้านสุขภาพจิต เร่งสร้างการประมาณการด้วยวิธีการที่ให้ความแม่นยำ แต่การประมาณการตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากการฆ่าตัวตายเป็นปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก และมีปัจจัยจำนวนมหาศาลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตัวเลขประมาณการณ์นี้กรมสุขภาพจิตจะนำเสนออย่างรวดเร็วที่สุดภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้เช่นเดียวกัน
ส่วนการดำเนินงานในขณะนี้ กรมสุขภาพจิตได้จัดทำแผนการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดโรคโควิด ได้แก่ 1) การเพิ่มระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิต โดยเฉพาะปัญหาการฆ่าตัวตายทั้งจากระบบรายงานและที่ปรากฏเป็นข่าว 2 ) การระบุกลุ่มเสี่ยงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ควบคู่ไปกับการประสานให้แต่ละหน่วยบริการทราบถึงแนวทางการดูแลช่วยเหลือจิตใจ ทั้งการดูแลด้วยกระบวนการบำบัดแบบสั้นและการป้องกันภาวะสุขภาพจิตตามระดับความรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในระดับรุนแรงจะต้องได้รับการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจนปลอดภัย ไม่กลับมาทำร้ายตนเองซ้ำอีก 3) การดำเนินงานเสริมความเข้มแข็งทางใจ ทั้งการสร้างวัคซีนใจบุคคลและการสร้างวัคซีนใจชุมชน ทั้งในกลุ่มเขตเมืองและกลุ่มนอกเขตเมือง ผ่านการใช้กลไก บ้าน วัด โรงเรียน ในการขับเคลื่อนร่วมกัน และสนับสนุนมาตรการเข้มข้นเรื่องการจำกัดการดื่มสุราและการใช้สารเสพติดอื่นๆ
นอกจากนั้นกรมสุขภาพจิตยังดำเนินงานเปิดช่องทางปรึกษาพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 41 เลขหมายทั่วประเทศ เพื่อให้มีสภาพจิตใจที่พร้อมในการดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถใช้บริการผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ซึ่งได้มีการเพิ่มคู่สายเป็นจำนวนสองเท่าตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ช่องทางไลน์แอด“KhuiKun” และแอปพลิเคชั่น “SABAIJAI” เพื่อเข้าถึงความช่วยเหลือที่มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี