สธ.หวั่นคลายล็อกระบาดระลอก2 หวังมาตรการคลายล็อกไม่นำประเทศเข้าสู่โควิด-19ระลอก2 ชี้ผู้ป่วย1คนแพร่เชื้อได้หลายคน ยันข้อมูลWHOเผยระบาดรอบหลังร้ายแรงกว่ารอบแรก ขณะหลายประเทศมีระลอก3
เมื่อวันที่ วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีการมาตรการผ่อนปรนให้ 6 ประเภทกิจการ สามารถเปิดให้บริการลูกค้าได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาปรากฏภาพที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์มีคนจำนวนมากเบียดเสียดกันแย่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายหลังที่รัฐบาลมีการผ่อนปรนมาตรการและอนุญาตให้ร้านค้าสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แบบซื้อกลับ โดยห้ามบริโภคในร้าน ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มหย่อนมาตรการไม่คำนึงถึงการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 หากในช่วงเวลานั้นมีผู้ป่วยเพียง 1 คน อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดตามมาเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี มีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ( WHO) และไทย ว่า ไม่ควรจะประมาทโควิดว่าจะกลับมาระบาดระลอก 2 หรือไม่ ซึ่งหลายประเทศที่มีการะบาดระลอก 2 นั้น จะพบว่า จะมียอดผู้ติดเชื้อมากว่ารอบแรก และหลายประเทศก็ยังมีการระบาดระลอก 3 ซึ่งก็หวังว่า การผ่อนปรนมาตรการของรัฐครั้งนี้จะไม่นำมาสู่การระบาดระลอก 2 ของไทย และถ้าหากจะมีผู้ป่วยใหม่รายใหม่เพิ่มก็หวังว่าจะเป็นผู้ป่วยจำนวนน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการรับมือโดยผู้ประกอบการจะต้องลดจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละช่วงเวลา พร้อมทั้งคัดกรองผู้ที่มีไข้ไม่ให้เข้ามาใช้บริการ รวมถึงตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์ไวให้ด้วย
ส่วนกรณีที่มีผลการตรวจผู้ติดเชื้อโควิดจากการตรวจเชิงรุกใน จ.ยะลา 40 คน คลาดเคลื่อนนั้น นพ.โสภณ ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นการค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยมาก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับแจ้งล่าสุดยังต้องรอการยืนยันผลตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนกลาง เสียก่อน หลังจากที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สงขลา ระบุว่า ผลตรวจไม่ตรงกับสถานบริการในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ได้มีการนำคนทั้ง 40 รายดังกล่าว มาอยู่ในการเฝ้าดูแลอาการของโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิดแล้ว ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครที่มีอาการ และผู้ที่ไม่แสดงอาการจะพบโอกาสในการติดเชื้อโควิดน้อย
ส่วนการตั้งข้อสังเกตถึงปัจจัยการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในภาคใต้ที่ยังมีตัวเลขที่สูง เมื่อเทียบกับภาพรวมของทั้งประเทศที่มีแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ว่า ถ้าดูจากตัวเลขของ กทม.และปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยว และจังหวัดชายแดน ก็จะพบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งมีปัจจัยร่วมสำคัญประการหนึ่งคือ การเดินทาง การเคลื่อนย้ายของคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวนมากเนื่องจากการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งทางภาคใต้นั้นมีคนเดินทางกับจากการประกอบศาสนกิจจำนวนมาก แต่มองอีกมุมก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้นำมารักษา ซึ่งมีประวัติเดินทางไปมาหาสู่ และมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยที่ให้บริการ และแรงงานผิดกฎหมาย
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลไทยจะมีการระบาดระลอก 2 หรือไม่นั้น ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการเฝ้าระวังจากกลุ่มที่มีอาการโรคทางเดินหายใจ อาทิ ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเฝ้าติดตามประเมินดูเปอร์เซ็นต์ว่าจะมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยโควิดหรือไม่ รวมถึงการเฝ้าระวังพฤติกรรมของประชาชนในการเข้มงวดในการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันทางสุขอนามัยส่วนบุคคล หากพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์หน้าก็จะต้องมีการค้นหาจุดอ่อนเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้มากขึ้นโดยจะได้มีการประเมินผลระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า สธ.มีมาตรการเตรียมความพร้อม วางแผนรับมือ โดยมีการจัดยาต้านไวรัสชุด PPE และอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อต่างให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยระลอก 2 ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี