สถานการณ์ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19ของรัฐบาล ทั้งที่เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม หรือ แม้แต่มาตรการที่รัฐกำหนดอาจไม่ส่งผลกระทบโดยตรง แต่หลายๆ คนก็อยากเป็นผู้ที่ได้รับการเยียวยาเช่นกัน หลายกลุ่มหลายอาชีพอาจจะตีขลุมเข้าข้างตัวเองไว้ได้รับผลกระทบด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ขณะที่ปัจจุบันการเยียวยากระจายไปยังกลุ่มผู้ที่ทำอาชีพการเกษตร หรืออาจจะโดยนิยามว่าเป็นเกษตรกร ซึ่งคงต้องไปดูให้ชัดเจนว่า กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นเกษตรกรตามความหมายที่ให้คำนิยามไว้หรือไม่ และเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐหรือไม่ อย่างไร
ในความเป็นจริงแล้ว เกษตรกรบางสาขาแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ แถมยังได้ผลดีจากมาตรการดังกล่าวอีกด้วย กลุ่มเกษตรเหล่านี้สามารถขายผลผลิตได้มากขึ้น ประเทศคู่ค้ามีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ถ้าหากเหมารวมกลุ่มเกษตรกรเหล่านี้ก็คือเกษตรกรตามคำนิยาม และต้องได้รับมาตรการเยียวยา 15,000 บาท ด้วยเช่นกัน
สำหรับรัฐที่พิจารณาเยียวยาเกษตรกรจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ในมือคือ ทะเบียนเกษตรกร หรือที่เรียกกันติดปากสำหรับเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตร คือ ทบก.ภาษาปัจจุบันเรียกกันว่า Farm Book ดูเหมือนว่าการใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องง่ายๆ สามารถส่งต่อข้อมูลกันได้ทันที แต่หากจะพิจารณาถึงที่มาที่ไปของ ทบก. จากที่ผมรับทราบมาจากเกษตรอำเภอและเกษตรตำบลหลายๆ คนที่แสดงความกังวลในการนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาใช้สำหรับการเยียวยาในครั้งนี้เนื่องจากเมื่อปี 2562 การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ต้องการทราบข้อเท็จจริงว่ามีการทำการเกษตรในอาชีพต่างๆ อยู่เท่าใด เพื่อนำมาคำนวณหาปริมาณผลผลิต โดยไม่ได้คำนึงถึงเอกสารสิทธิ หรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ทำการเกษตร ขอให้ผ่านการประชาพิจารณ์ในชุมชนนั้นๆ ก็สามารถนำมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ แต่ในปีนี้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจะต้องพิจารณาเอกสารสิทธิและกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย จึงเกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนไว้เดิม กับกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรทำนาในพื้นที่ภาคกลางกว่าร้อยละ 90 เป็นที่เช่า มีการใช้กรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันเกิดขึ้น เกษตรกรที่ทำนาจริงๆ ไม่ได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่สามารถแสดงกรรมสิทธิ์ได้ ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือกลับเป็นผู้ที่ไม่ได้ทำนา แต่เป็นเจ้าของแปลงนานั่นเสียเอง
หลังจากที่รัฐบาลประกาศจะใช้ทะเบียนเกษตรกรเป็นฐานในการเยียวยา สำนักเกษตรอำเภอแทบทุกที่ต่างก็มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก โดยการพิสูจน์ว่าเป็นเกษตรกรตัวจริง มีการทำการเกษตรจริงหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับบางสาขา เช่น หากแจ้งว่าทำนา โดยหลักการแล้วจะต้องมีอายุข้าวในแปลงต้องไม่น้อยกว่า 15 วัน จึงจะสามารถรับขึ้นทะเบียนได้ ซึ่งช่วงเวลานี้ไม่ใช่ฤดูกาลทำนาปกติ แต่ถ้าเป็นไม้ผลก็คงไม่มีปัญหานี้ เมื่อมีกรอบเวลาให้แจ้งภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จากช่วงระยะเวลาที่กำหนด จึงบันเทิงมากสำหรับพี่น้องเกษตรตำบล-เกษตรอำเภอ จะประชาพิจารณ์อย่างไร ภายใต้การเว้นระยะห่างทางสังคม กรณีเกษตรกรทำนา จะมีแปลงนาที่ข้าวอายุ 15 วัน อยู่จริงตามเกณฑ์ หรือจะเว้นเรื่องนี้ออกไปก่อน ทั้งหมดนี้ คือ ปัญหาที่เกษตรตำบล-เกษตรอำเภอต้องเผชิญ การจะชี้ว่าคนนั้นเป็นเกษตรกร คนนี้ไม่ใช่เกษตรกร เป็นการยืนอยู่ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ลักษณะแบบนี้เรียกว่า แค่หายใจก็ผิดแล้ว ถึงแม้ว่ามีความพยายามที่จะนำระบบที่เรียกว่า IoT มาใช้กับทะเบียนเกษตรกร เพื่อช่วยลดภาระงานในระดับหนึ่ง แต่กับพี่น้องเกษตรกรแล้ว จะมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่เข้าถึงใช้ได้ ใช้เป็น คงหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ต้องดำเนินการ และเมื่อเหตุการณ์ชุลมุนผ่านไป เกิดปัญหาการร้องเรียน เยียวยาขาดไปเกินไป ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้จัดทำข้อมูลทะเบียนเกษตรกรเช่น เกษตรตำบลและเกษตรอำเภอหรือ
ผมอยากให้หยุดคิดกันสักนิดว่า ทะเบียนเกษตรกร ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการรับเงินช่วยเหลือ แต่ทะเบียนเกษตรกร เกิดมาเพื่อเป็นข้อมูลในการส่งเสริมการเกษตรให้กับพี่น้องเกษตรกรได้อย่างถูกต้อง ตรงตามความต้องการของเกษตรกรแต่ละราย เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อ ทบก. ถูกบิดไปจากเป้าหมายเดิม จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดและระมัดระวังให้ดี เป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรตำบล-เกษตรอำเภอทุกท่าน ขอให้โชคเข้าข้าง
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี