ศบค.ห่วงยอดมั่วสุมก๊งเหล้าพุ่ง ตร.เปิดสถิติแหกเคอร์ฟิวหลังผ่อนคลาย 7 วัน
10 พฤษภาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับมาตรการด้านความมั่นคง คืนวันที่ 9 พฤษภาคม ต่อเนื่องวันที่ 10 พฤษภาคม มีผู้ออกนอกเคหสถาน 677 ราย เพิ่มขึ้น 37 ราย ชุมนุมมั่วสุม 147 ราย เพิ่มขึ้น 89 ราย ซึ่งสาเหตุหลักของการชุมนุมมั่วสุมคือเรื่องการดื่มสุรา ที่วันนี้พุ่งขึ้นมาถึง 69 เปอร์เซ็นต์
“ที่เรียกร้องให้มีการเปิดขายสุราอย่างเสรีนั้น ทุกท่านต้องอย่าทำผิดกฎหมาย เพราะการดื่มสุรา เสี่ยงต่อการนำเชื้อเข้าครอบครัว เวลาดื่มไม่ได้ใส่หน้ากากกันแน่นอน การติดเชื้อในผับในพื้นที่กทม. ก็มาจากการตั้งวงดื่มสุรา” โฆษก ศบค. กล่าว
โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า ขณะที่ผลสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลาย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม มีการสำรวจทั้งสิ้น 16,831 กิจการ/กิจกรรม ภาพรวมมีผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 3.73 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าวันก่อน จากการสอบถามสาเหตุจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่ามาจากการที่ตนประกาศให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ซึ่งต้องชื่นชมที่ทุกคนให้ความร่วมมือ จากนี้ขอให้ทุกกิจการและกิจกรรม ปรับตัวให้ตรงกับมาตรการ
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวว่า ครบ 7 วันหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนสตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อกำหนดผ่อนคลายหลายมาตรการ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) หารือร่วมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในการดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติ หลังจากเดิมมีการตั้งด่านตรวจ หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ เพิ่มสายตรวจร่วม ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กทม. และงานสาธารณสุข ลงพื้นที่ที่มีการผ่อนคลาย รวมทั้งการทำงานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว
จากการรวบรวมสถิติเปรียบเทียบ 7 วันก่อนหน้านี้ที่มีการผ่อนคลาย และหลัง 7 วัน ไม่ว่าจะเป็นการออกนอกเคหสถานในช่วงเคอร์ฟิว หรือการรวมกลุ่ม มั่วสุม ลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ทั้ง 2 ส่วนปรากฏว่าหลังจากมีการผ่อนคลาย ภาพรวมกระทำผิดสูงขึ้นนิดหน่อยไม่มาก จากเดิม 7 วันก่อนหน้านี้ประมาณ 4,407 คดี แต่หลังวันที่ 3 พฤษภาคม จนถึงวันที่10 พฤษภาคม จำนวน5,363 คดี เพิ่มขึ้นประมาณ 900 กว่าคดี หรือร้อยละ 21
“นอกจากนี้ หากแยกในรายละเอียดความผิดออกนอกเคหสถาน เพิ่มขึ้น 827 คดี ส่วนใหญ่ยังมีประชาชนบางส่วนไม่สามารถปรับการใช้ชีวิตประจำวัน ยังคงออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร เช่น การไปเที่ยวบ้านเพื่อน ร้อนออกมาทำธุระ ซึ่งมันไม่ใช่” โฆษก ตร. กล่าว
โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ส่วนการเล่นการพนันจากเดิม 664 คดี เป็น 704 คดี เพิ่ม 40 คดี แต่ที่น่าสนใจคือ หลังวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ความผิดเรื่องการมั่วสุม โดยการดื่มสุราสูงขึ้น เช่น 300 เป็น 600 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ไม่อยากจับกุมดำเนินคดี เราอยากตักเตือน แต่เหลือทนจริงๆ ประเภทเตือนแล้วครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ไปยังเจออีก หรือมั่วสุม ดื่มสุรา ส่งเสียงรบกวนประชาชนโทรศัพท์แจ้งเราพบบ่อยมาก
นอกจากนี้ ที่ยังจับกุมได้อยู่ตลอด คือ การเล่นการพนัน จำนวนรายลดลงก็จริง จากเดิมเล่น 2-3 คน แต่ระยะหลังพบว่ามีผู้เล่นสูงขึ้น 10-20 คน และมีการมั่วสุมในเรื่องสุราประกอบกัน ซึ่ง ผบ.ทสส และผบ.ตร ย้ำเสมอว่าตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่เราตักเตือนมาพอสมควร ในความผิดประเภทซ้ำซ้อน จากนี้ต้องดำเนินการเข้มงวด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง และสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสถานที่ประกอบการหลายแห่งที่มีการผ่อนคลาย พบว่าน่าสนใจในช่วง 3-4 วันนี้มีผู้ฝ่าฝืน จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ จากการไปลงพื้นที่ตรวจ 6,000 กว่า ปฏิบัติตามมาตรการประมาณ 6,001 ไม่ปฏิบัติตามประมาณ1-2 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ตัวเลขน่าชื่นใจตัวเลขเกือบจะศูนย์แล้ว พอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง เขต ท้องถิ่น และสาธารณสุขไปตรวจตรวจตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดตัวเลขลดลงไปเยอะพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ร้านอาหารหลายร้านเป็นตัวอย่างที่ดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถ้าต้องนั่ง 2 คนก็มีฉากกั้น อย่างไรก็ตาม ทั่วประเทศให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากผู้ประกอบการและผู้ที่ไปจับจ่ายใช้สอยในซูเปอร์มาร์เก็ต อยากให้คงแบบนี้ต่อเนื่องต่อไป
เมื่อถามอีกว่าเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมาตลาดนัดจตุจักรเปิดให้บริการเป็นวันแรก ตำรวจต้องเข้าไปตรวจดูหรือไม่ และพบการกระทำความผิดหรือความไม่เข้าใจของผู้ประกอบการและคนมาเดินจับจ่ายใช้สอยหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ผู้ว่าฯกกทม. และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)ประชุมร่วมมือวางมาตรการกันก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เป็นภาพที่น่าชื่นใจ ทุกจุดมีเจ้าหน้าที่กทม. สำนักงานเขต ตำรวจ ทหาร สำนักอนามัย และฝ่ายสาธารณสุข เราตรวจก่อนตามระบบ ดูว่าใส่หน้ากากอนามัย และในระหว่างเดินตามร้านค้าต่างๆทุกร้านให้ความร่วมมืออย่างดี อาจจะต้องมีการตักเตือนกันบ้าง หรือเผลอเรอกันบ้าง เบื้องต้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี