เมื่อเร็วๆ นี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป (Manpower Group) บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก เผยแพร่ผลสำรวจทัศนคติและความต้องการของแรงงานแต่ละช่วงวัย ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้ 1.กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby-Boomer) ปัจจุบันจะมีอายุ55-64 ปี (และรวมถึงผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปด้วย) หากพูดถึงกลุ่มนี้ความรักหัวหน้าและเพื่อนร่วมทีมมีสูง คนกลุ่มนี้จะเริ่มมีอายุที่สูงขึ้น อยากเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองให้รู้สึกมีแรงกระตุ้น มีส่วนร่วมและแรงบันดาลใจมากกว่าสายงานในวิชาชีพของตน
คนยุคเบบี้บูมเมอร์มักจะถูกผลักดันด้วยค่าตอบแทน งานที่ท้าทายและความยืดหยุ่น แม้ว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญสูงสุดกับความเป็นผู้นำและทีมงานก็ตาม พวกเขามีความผูกพันกับเจ้านายและทีมงานเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องการส่งต่อความดีความสามารถกับคนรุ่นต่อไป คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มักจะมีแรงบันดาลใจจากเป้าหมายความเห็นของเขาสำคัญน้อยกว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
2.กลุ่มเจนเอ็กซ์ (Gen X)ปัจจุบันจะมีอายุ 35-54 ปี สะท้อนเรื่องความยืดหยุ่นมีคุณค่าเท่ากับความเป็นอยู่ที่ดี คนเจนนี้ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อตำแหน่งงานที่สูงขึ้น มีทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น มีความมั่นคง และเริ่มค้นหาความสมดุลในชีวิตมากขึ้น เพศชายให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นมากพอๆ กับเพศหญิง พวกเขาอยากให้แต่ละวันเริ่มต้นและสิ้นสุดลงด้วยความยืดหยุ่น ทำงานไกลบ้านได้เป็นบางครั้งไม่ใช่ตลอดเวลา และต้องการใบลาในการดูแลครอบครัวในฐานะลูกหรือพ่อแม่ ดังนั้นคนเจนนี้จึงให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นเป็นปัจจัยหลักๆ
3.กลุ่มมิลเลนเนียล(Millennial) หรือบางแห่งเรียกว่ากลุ่มเจนวาย (Gen Y) ปัจจุบันจะมีอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มประชากรที่สำคัญของตลาดแรงงานในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องการคือความยืดหยุ่นสูงโดยเฉพาะในเพศหญิง คนรุ่นนี้ต้องการสิ่งที่เหมือนกัน แต่ในความเหมือนก็ยังมีความต่าง ทั้งหญิงและชายต่างก็ต้องการความยืดหยุ่นและความท้าทาย พวกเขามองการทำงานในอนาคตเหมือนการวิ่งมาราธอนเพราะยังต้องทำงานอีกหลายปี และต้องการหาจุดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานสำหรับการทำงานที่ยาวนานดังกล่าว
อนึ่ง ผู้หญิงในรุ่นมิลเลนเนียลนี้การทำงานที่ท้าทายของพวกเธอต้องมาพร้อมกับความยืดหยุ่น เพราะพวกเธออาจจะต้องรับหน้าที่งานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนภายในครอบครัว เพื่อการรักษาสมดุลระหว่างงานและหน้าที่ ดังนั้น ความยืดหยุ่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ และ 4.กลุ่มเจนแซด (Gen Z)ปัจจุบันจะมีอายุ 18-24 ปีเรื่องแรกที่สำคัญสุดของกลุ่มนี้คือค่าตอบแทนหรือเงินเดือนโดยเฉพาะกับเพศหญิง
คนเจนนี้เกิดในยุคที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เรียนรู้ได้เร็ว มีความทะเยอทะยาน ต้องการเงินและความก้าวหน้าในอาชีพ แต่หญิงกับชายมีความต้องการที่ต่างกัน เพศหญิงจะให้ความสำคัญกับเงินและการพัฒนาทักษะมากกว่าเกือบสองเท่า ในขณะที่เพศชายบอกว่าทักษะและอาชีพมีความสำคัญเท่ากับค่าตอบแทน ผู้หญิงเมื่อจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและเข้ามาอยู่ในตลาดแรงงานมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย และเป็นครั้งแรกในหลายทศวรรษที่ผู้ชายและผู้หญิงได้ค่าตอบแทนไม่เท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ยังมีบทวิเคราะห์ความต้องการเป็นลำดับขั้นในรูปทรงพีระมิด ได้แก่ “ชั้นแรก-ฐาน” หมายถึงค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เพียงค่าจ้างหรือเงินเดือนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้วย อาทิ ความยืดหยุ่นในการทำงาน การลาเพื่อดูแลบุตรการสนับสนุนให้ได้รับการศึกษาหรือฝึกอบรมเพิ่มพูนทักษะ อนึ่งกรณีของสหรัฐอเมริกา พบแรงงานถึงร้อยละ 89 ให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากพอๆ กับค่าตอบแทน
“ชั้นที่สอง” คนทำงานต้องการความเข้าใจและคำแนะนำรวมไปถึงการที่ได้พิสูจน์ความสามารถการประเมินจึงเข้ามามีบทบาทเนื่องจากจะช่วยให้นายจ้างสามารถเข้าใจตนเองและพนักงานได้ดีขึ้นว่ามีพึงพอใจหรือมีความต้องการทางด้านใด “ชั้นที่สาม” พนักงานต้องการการศึกษา ประสบการณ์ และการลงมือทำ วัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ การไม่สนับสนุนใดๆ อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) อนึ่ง ผลวิจัยพบว่า พนักงานที่มีผู้จัดการที่รับฟังปัญหาเกี่ยวกับการทำงานจะมีโอกาสน้อยกว่าร้อยละ 62ที่จะหมดไฟในการทำงาน
“ชั้นที่สี่” การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) พนักงานให้ความสำคัญกับความสมดุลและการมีทางเลือกและนั่นไม่สามารถต่อรองได้ นายจ้างต้องพยายามสร้างสมดุลของความยืดหยุ่น ความสุขนอกเวลางานอาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสุขในที่ทำงาน และ “ชั้นที่ห้า-ยอด” คนทำงานต้องการความภาคภูมิใจในคนที่พวกเขาทำงานให้ และภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำ แบรนด์ที่เข้มแข็ง ชื่อเสียงที่ยาวนาน สถานที่น่าทำงาน เป็นเหตุผลที่สำคัญที่พวกเขาจะทำงานให้กับองค์กร
ส่วนช่องว่างด้านทักษะไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วจะหมดไป แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เมื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กระทบกับทุกคน ก็เป็นหน้าที่ขององค์กรและทุกคนที่จะต้องช่วยกันอุดช่องว่างที่เกิดขึ้น เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ โดยผลวิจัยระบุว่า อินเดียออสเตรเลีย เม็กซิโก สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ มีแรงงานที่มุ่งเน้นที่เป้าหมายมากที่สุด แรงงานเหล่านี้ถูกขับเคลื่อนด้วยแบรนด์และชื่อเสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี