"กรมอนามัย"ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของสธ.ต่อไปให้เป็นนิสัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอก2 เผยผลสำรวจ4หมื่นคนพบพฤติกรรมการป้องกันส่วนบุคคลลดลง จากร้อยละ77.6เหลือร้อยละ72.5
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทย สู้มา 128 วัน แม้ว่าสถานการณ์ของประเทศจะดีขึ้น ซึ่งต้องชื่นชมการควบคุมโรคของประเทศไทย อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยง ยังต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ 1.การพบผู้ติดเชื้อใน state Quarantine ซึ่งสามารถควบคุมได้ 2.กลุ่มผู้ติดเชื้อสัมผัสจากคนในครอบครัว 3.ผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก (Active case finding) ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งในระยะหลังจะตรวจพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นในกลุ่มนี้
ทั้งนี้ จากการที่วันนี้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขต่อไปให้เป็นนิสัย สร้างชีวิตวิถีใหม่ตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 โดยชีวิตวิถีใหม่ประชาชนให้คัดกรองตนเองว่าป่วยหรือเสี่ยงป่วย ประเมินความจำเป็นและวางแผนออกนอกบ้านให้สั้น เลือกสถานบริการมาตรฐานตามมาตรการของรัฐ ใช้เครื่องป้องกันสวมหน้ากาก เจลแอกอฮอล์ และให้ความร่วมมือตามมาตรการของสถานประกอบการ สำหรับชีวิตวิถีใหม่ของผู้ประกอบการที่กลับมาเปิดให้บริการ ขอให้จัดให้มีการลงทะเบียนจัดคิวล่วงหน้า จัดสถานที่รอ มีจุดคัดกรอง จุดบริการล้างมือ จัดสถานที่หรือบริการลดแน่น เว้นระยะ ทำความสะอาดจุดเสี่ยง สัมผัสร่วม ดูแลระบบระบายอากาศ งดจำหน่ายสุรา จำกัดเวลาบริการ และจำกัดบริการใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอก 2
อย่างไรก็ตาม ขอให้คำนึงถึงสุขภาพอนามัยของตนเองและคนใกล้ชิดในครอบครัวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ออกนอกบ้าน เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงที่อาจนำเชื้อเข้ามาให้คนในครอบครัว จำเป็นต้องคงเข้มในมาตรการเพื่อลดโอกาสการนำเชื้อจากนอกบ้านมาติดสมาชิกในครอบครัว โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1 - 2 เมตร สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการรับประทานอาหารจากสำรับเดียวกัน วางแผนการเดินทางเมื่อต้องโดยสารรถสาธารณะเพื่อเลี่ยงความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน หากไปในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น ผู้คนแออัด ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและโรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดซ้ำได้ และหากพบว่าป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ปวดเมื่อยตามตัว ให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติที่ผ่านมา และหยุดอยู่บ้าน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้สำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงก่อนและหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 (วันที่ 23 - 30 เม.ย.63 และวันที่ 8 - 14 พ.ค.63) จากกลุ่มตัวอย่าง 2 ครั้ง จำนวนเกือบ 40,000 ราย พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันส่วนบุคคลโดยรวมลดลง จากร้อยละ 77.6 เหลือ ร้อยละ 72.5
โดยการสวมหน้ากากอนามัย - หน้ากากผ้าทุกครั้ง จากร้อยละ 91.2 เหลือร้อยละ 91.0 / การล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง จากร้อยละ 87.2 เหลือร้อยละ 83.4 / การกินร้อน ใช้ช้อนกลางของตนเองทุกครั้ง จากร้อยละ 86.1 เหลือร้อยละ 82.3 / การระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่น ในระยะน้อยกว่า 2 เมตรทุกครั้ง จากร้อยละ 65.3 เหลือร้อยละ 60.7 / ไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ทุกครั้ง จากร้อยละ 62.9 เหลือร้อยละ 52.9 ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขห่วงใย ยังคงเข้มมาตรการป้องกันและขอให้ประชาชนอย่าประมาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี