18 พฤษภาคม 2563 นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราบ(บก.ป. )เมื่อวันที่ 8 พ.ค .ที่ผ่านมานั้น โดยคดีดังกล่าวมีน.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหา มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช. พาณิชย์ และ สส.นครสวรรค์หลายสมัยนายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ49 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 34 ปี ด.ต. ธงชัย หรือ สจ.อ้อด วจีสัจจะ อายุ 62 ปี และชายไทยไม่ทราบชื่อ ผู้ต้องหารวม 7 คน
โดยคดีนี้สืบเนื่องจากนายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของผู้พิพากษาคนดังกล่าวถูกกลุ่มผู้ต้องหาอุ้มฆ่าโดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการพิจารณาคดี ฉ้อโกงหุ้น ประมาณ 240 ล้าน บาทของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด เสี่ยรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ซึ่งมี น.ส.พนิดา ผู้พิพากษา อาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนโดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวกรวม4 คน เป็นจำเลย
ต่อมานายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ซึ่งมีนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญซึ่งกลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอุกอาจ ประชาชนและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาอย่างต่อเนื่อง นายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 จึงมีคำสั่งของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ที่ 5/2563 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาคดีนี้ ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547
ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วย นายบุญยัง จุมพล อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายไพบูลย์ วนพงศ์ทิพากร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน พ.ต.อ.ธงชัย กีรติธรรมากร อัยการประจำกอง เป็นคณะทำงานและเลขานุการ และนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาสำนวนการสอบสวนโดยละเอียด รอบคอบแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้องพ.ต.ท.บรรยิน กับพวก ก่อนเสนอความเห็นไปยังนางสิริญา อินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริตและนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ซึ่งเห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอมา
โดยสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์กับพวกรวม6 คน รวม9 ข้อหาฐาน
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย
ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต
ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย
ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดีและ
ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้เฉพาะ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหา สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา อีกด้วย
ทั้งนี้ พนักงานอัยการยังขอให้นับโทษ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของศาลอาญา กรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขคดีแดงที่ 636/2563 ที่ศาลลงโทษจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน ในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นเสี่ยชูวงศ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด และนับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขคดีดำที่ 4915/2559 ของศาลอาญาพระโขนงซึ่งพนักงานอัยการฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ข้อหาฆ่าเสี่ยชูวงศ์ โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอีกด้วย
สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อ ผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีพยานใด ๆ ว่า ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 เมื่อพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงาน รองอธิบดีอัยการและ อธิบดีอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวน โดยสั่งไม่ฟ้องชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 ตามเสนอ และ ผบ.ตร. เห็นชอบตามคำสั่งพนักงานอัยการดังกล่าว
นายประยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ (18 พ.ค.)พนักงานอัยการได้นำสำนวนไปยื่นฟ้อง พ.ต.ท บรรยิน กับพวกรวม6 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้วซึ่งคดีนี้พนักงานอัยการไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง6 คน เพราะผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างฝากขัง
สำหรับขั้นตอนต่อไป ศาลอาญาคดีทุจริต ฯ จะเบิกตัวจำเลยทั้งหมดมาสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลย จะให้การอย่างไร พนักงานอัยการก็ต้องสืบพยานเพราะเป็นคดีมีโทษประหารชีวิต
สำหรับคดีนี้แม้เป็นคดีฆาตกรรมแต่ทางคดีมีข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบต่อหน้าที่รวมอยู่ด้วย คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องรวมทุกข้อหาในคดีนี้ต่อศาลดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลเหตุคดีนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.บรรยิน ต้องการให้ น.ส.พนิตา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พากษายกฟ้องความผิด คดีฉ้อโกงหุ้น เสี่ยจืด จึงใช้วิธีอุ้มฆ่านายวีรชัย พี่ชาย น.ส.พนิตา เพื่อข่มขู่ให้ น.ส.พนิตา เกิดความกลัว โดยใช้วิธีอุ้มนายวีรชัย จากบริเวณหน้าศาลแพ่งกรงเทพใต้ ถ.เจริญกรุงซ.63พาขึ้นรถยนต์ไปฆ่าเผานั่งยาง ที่จ.นครสวรรค์
สำหรับคดีโกงหุ้นเสี่นจืดนั้น ศาลอาฐากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ให้จำคุก น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล จำเลยที่ 1 รวม4 ปี, จำคุก น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2 รวม4 ปีและจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รวม 8 ปี และให้ยกฟ้อง น.ส.ศรีธรา พรหมา จำเลยที่ 4 มารดาของ น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทั้งพ.ต.ท.บรรยิน น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล และ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว ทั้งหมด ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี