สธ.ห่วง400คนไทยเดินทางกลับจากรัสเซียและบราซิล อาจพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่เชื่อรัฐควบคุมได้ วอนคนในประเทศการ์ดอย่าตก "ผู้ตรวจฯดีอีเอส"ปลื้มคนไทยแห่ใข้"ไทยชนะ"5ล้านคน
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 90 ราย หรือร้อยละ 2.97 ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยวันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 31 ราย รวมผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 2,888 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.19 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 45 ปี เป็นเชฟอาหารไทย เดินทางกลับมาจากประเทศบาห์เรน วันที่ 15 พ.ค.และเข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังในสถานที่ที่รัฐจัดให้ก่อนพบติดเชื้อ วันที่ 18 พ.ค.ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มคงที่ 56 ราย มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,034 ราย
นพ.อนุพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศนั้น รัฐจัดให้อยู่ในสถานที่กักตัวเฝ้าดูอาการของรัฐ (State Quarantine) ซึ่งหากมีผู้ติดเชื้อสามารถควบคุมได้ แม้หลังจากนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับจากรัสเซีย และบราซิล รวมกว่า 400 คน ซึ่งเป็นประเทศที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ด้วยการจัดการที่มีประสิทธิภาพของรัฐ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ดี หลังจากวันนี้อาจจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็จะไม่มีปัญหา แต่ภายในประเทศต้องขอความร่วมมือจากชุมชนและประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จากข้อมูลกรมควบคุมโรคถึงวันที่ 20 พ.ค.63 พบว่ามีผู้เดินทางจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้รวม 16,796 ราย พบผู้ติดเชื้อ 101 ราย ซึ่งทุกรายได้นำเข้าสู่ระบบการรักษาแล้ว
ขณะที่ นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงถึงความก้าวหน้าแพลตฟอร์มดิจิทัลรองรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า แพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ร้านค้าจะต้องลงทะเบียนเข้าสู่ระบบไทยชนะโดยลงทะเบียนยืนยันตัวตนกับกรมการปกครอง จากนั้นระบบจะอนุญาตให้ร้านค้าพิมพ์คิวอาร์โค้ดให้ผู้ใช้บริการสแกนเข้า - ออก ส่วนประชาชนใช้เบอร์โทรศัพท์ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวครั้งแรกที่เช็คอินซึขณะนี้มีคนไทยเข้าใช้แพลตฟอร์มไทยชนะมากกว่า 5 ล้านคนแล้ว แต่ละวันมีผู้เข้าใช้ใหม่เกือบ 2 ล้านคน มีการเช็คอินเช็กเอาท์มากกว่า 4 ล้านครั้ง และร้านค้าลงทะเบียนมากกว่า 6.8 หมื่นร้านค้า ถือว่าการตอบรับระบบดีมาก โดยอัตราการเช็คอิน-เช็กเอาท์ประมาณ 70% ขณะที่อีก 20% ลืมเช็กเอาท์ ทั้งนี้ ยืนยันว่าระบบไทยชนะเคารพความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ได้ไปล้วงข้อมูลอะไร ซึ่งข้อมูลจะมีแค่กรมควบคุมโรคใช้เพื่อการสอบสวนโรคเมื่อเจอผู้ป่วย โดยขอข้อมูลเบอร์โทรศัพท์จาก กสทช.ทั้งนี้ ถ้าไม่มีผู้ป่วยข้อมูลนี้ก็ไม่ถูกนำไปใช้ เพื่อประโยชน์ให้ประชาชนประเมินสถานประกอบการในช่วงแรก เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินการผ่อนปรนระยะต่อไป ในกลุ่มกิจการสีเหลือง และสีแดง โดยคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 โดยคะแนนจะช่วยประเมินหากการ์ดตก อย่างไรก็ตาม พบว่าในส่วนการทำความสะอาดพื้นผิว ที่มีคะแนนต่ำ ในกลุ่มร้านทำผม ร้านตัดขนสัตว์
ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุถึงช่องทางแอพพลิเคชั่น "หมอชนะ" มีการดาวน์โหลด กว่า 1 แสนครั้ง สอดรับกับฐานกลางข้อมูล ของ ศบค.ซึ่งเป็นการร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน และภาครัฐ โดยมีกระทรวงดิจิตอลฯ เข้ามาดูเรื่องความปลอดภัยของฐานข้อมูลลักษณะเด่นของแอพพลิเคชั่น "หมอชนะ" ประชาชนสามารถสแกนข้อมูลของร้าน หรือข้อมูลการเดินทางของแต่ละบุคคล เพื่อเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลในการเตือนพื้นที่เสี่ยง และนำมาใช้ในการสอบสวนโรค มีการประเมินอาการตนเอง แบ่งตามสีต่างๆ โดยได้มีการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของแอพพลิเคชั่น "ไทยชนะ" ที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน
ด้าน นพ.อนันต์ กนกศิลป์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สป.สธ.ระบุว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่เก็บฐานข้อมูล ดูแลการจัดการสถานพยาบาล 1,400 แห่ง เพื่อเป็นระบบการดูแลสุขภาพแห่งชาติ ในการตรวจสอบ ควบคุมป้องกันโรค ยืนยันผู้ป่วย และวิธีการรักษา ทั้งหมดต้องใช้ฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินทรัพยากรทางสาธารณสุข เพื่อให้เพียงพอ ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ การดูแลผู้ป่วย รองรับการระบาดรอบ 2
ส่วน นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ตอนนี้กรมอนามัย จัดทำคู่มือ สุขอนามัยสถานประกอบการ พื้นที่สาธารณะต่างๆ เพื่อให้ประชาชน สถานประกอบการได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเปิดใช้ในแอพพลิเคชั่น Thaistopcovid อนาคตอาจจะมีการรวมกันของ 3 แพลตฟอร์ม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการควบคุมโรค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี