ช็อก!!!ศพชายที่ถูกฆ่ายัดศพฝังดินบนเนินเขาป่าสวนที่อ.นาหม่อม ที่แท้ฆาตรกรคือพ่อตัวเองจากปมเป็นชู้กับลูกสะใภ้ เคยทะเลาะกันหลายครั้ง ตร.ตามไปถึงพัทลุง คุมตัวมาสอบทีแรกปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สุดท้ายจำนนด้วยพยานหลักฐาน ยอมเปิดปากรับสารภาพสิ้นไส้ลงมืออำมหิตจริง
ความคืบหน้าคดีพบศพถูกฆ่ายัดกระสอบฝังดินบนเนินเขาป่าสวนยางในพื้นที่หมู่ 9 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา และเหลือเพียงโครงกระดูกคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วเกือบ 1 เดือนโดยมีคนไปพบศพเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.)
ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ค.63) ตำรวจรู้ตัวผู้เสียชีวิตแล้วคือนายชาญชัย ปลอดแก่นทอง อายุ 21 ปีซึ่งเป็นชาว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง และมารับจ้างกรีดยางอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ
โดยตำรวจได้เชิญตัวนางสาวกุ้ง ภรรยา มาสอบสวนและยืนยันว่า เป็นศพของสามีทั้งจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุทั้งสร้อยคอนาฬิกาและชุดที่สวมใส่และทันที นางกุ้งเห็นสิ่งของเครื่องใช้ของสามีถึงกับร่ำไห้และเป็นลมล้มฟุบทันทีเนื่องจากทำใจรับไม่ได้หน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันปฐมพยาบาล
จากการสอบสวนางสาวกุ้ง บอกว่า สามีได้หายไปตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาที่สำคัญยังบอกอีกว่าคนที่ฆ่าสามีน่าจะเป็นฝีมือของนายอรุณ ปลอดแก่นทอง อายุ 41 ปีพ่อแท้ๆของสามีจากปัญหาเรื่องชู้สาวเนื่องจากตัวเธอกับพ่อของสามีเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันและสามีจับได้ทำให้พ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันหลายครั้ง
โดยวันสุดท้ายที่สามีหายตัวไปคือวันที่ 30 เมษายนซึ่งได้ออกไปกรีดยางกับพ่อเพียงสองคนที่ป่าสวนยางใกล้กับจุดที่พบศพถูกฝังอยู่ แต่พ่อกลับมาคนเดียว จากนั้นทั้งหมดจึงได้เดินทางกลับไปอยู่ที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง กระทั่งมีคนไปพบศพและเรื่องจึงแดงขึ้นมา
จากการสอบสวนพยานแวดล้อม นายอรุณ น่าจะลงมือฆ่าลูกชายที่ขนำภายในสวนยางในวันที่ 30 เมษายน ขณะที่ทั้งคู่ออกไปกรีดยางด้วยกันเป็นวันสุดท้าย ซึ่งทั้งคู่น่าจะทะเลาะกันอีกครั้ง หรือไม่ก็นายอรุณ อาจจะวางแผนที่จะฆ่าลูกตัวเองมาก่อนแล้วเพื่อตัดปัญหาเรื่องนี้และยัดศพใส่กระสอบฝังดินอำพรางคดี
ขณะเดียวกันในวันนี้ทาง พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พร้อมฝ่ายสืบสวนสอบสวนได้เข้าไปตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในห้องเช่าเลขที่ 27/9 หมู่ 8 บ้านปลักลำเพ็ง ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม ซึ่งครอบครัวนี้มาเช่าอยู่ด้วยกัน 6 คน ทั้งนายชายชัย ภรรยาและลูกสาว พ่อกับแม่เลี้ยง และน้องชายอีก 1 คนโดยเก็บพยานวัตถุไปตรวจสอบประกอบคดี
ด้าน พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ซึ่งลงพื้นที่เกาะติดคดีนี้ทั้งวัน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้โดยเก็บรายละเอียดทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องและกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนนายอรุณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ขณะที่แม่ของนายชาญชัย ซึ่งในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวมาให้ปากกับเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ได้แยกทางกับอดีตสามีมา 20 ปีแล้วทางฝ่ายต่างไปมีครอบครัวใหม่ โดยลูกชายมาอยู่กับพ่อ ก่อนเกิดเหตุลูกชายโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกับพ่อแต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรและเคยกลับมาอยู่บ้านย่า 4-5 วันก่อนที่จะกลับไปอีก และลูกชายยังโทรศัพท์มาคุยเรื่องที่จะสมัครเป็นทหารเกณฑ์โดยถามตนว่าจะมีการเกณฑ์ทหารในวันไหน หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อกันมาเป็นเดือนกระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกฆ่าฝังดิน
"หลังจากรู้ว่าผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าลูกของตัวเองคือพ่อแท้ๆ ก็ร้องไห้หนักมากทั้งคืน อยากจะถามว่า คนที่เป็นพ่อฆ่าลูกตัวเองเพราะเรื่องอะไร และลูกไปทำอะไรให้ คนเป็นพ่อไม่น่าที่จะไปฆ่าลูกยัดใส่กระสอบแบบนี้"
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้ ทาง พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พร้อมทีมสืบสวนได้ลงพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เพื่อติดตามตัว นายอรุณ มาสอบสวนและพบว่ากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านของภรรยาในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง และได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.นาหม่อมทันที เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นกับการตายของลูกชาย แต่หลังจากตำรวจได้นำตัวเข้าห้องสอบสวนเพื่อเค้นสอบอย่างละเอียดสุดท้ายก็ยอมเปิดปากยอมสารภาพว่าเป็นคนฆ่าลูกชายแท้ๆยัดกระสอบฝังดินจริงตำรวจเตรียมคุมตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :รู้ตัวชายถูกฆ่ายัดกระสอบฝังดิน พุ่งเป้าฝีมือคนใกล้ชิด เรียกตัวญาติสอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี