ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สร้างชลกร โดยใช้บุคลากรของการอาชีวะเกษตรนำร่อง สอนการจัดการน้ำ โดยยึดตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะ เชื่อว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือ New Normal ที่แท้จริง โดย ชลกรดังกล่าวจะเป็นคณะทำงานบริหารจัดการน้ำเพื่อชุมชนตามแนวพระราชดำริ ที่ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำเพื่อชุมชน แก้ปัญหาภัยแล้ง แก้หนี้สิน แก้จน โดยมีประชาชนเป็นเจ้าของ
ดร.คุณหญิงกัลยา ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่ประสบภัยแล้งมากที่สุดในรอบ 40 ปี โดยสถานการณ์ภัยแล้งมีความรุนแรงมาก ส่งผลกระทบต่อทั้งการเกษตรและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง หากไม่เร่งแก้ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำของชุมชนอย่างเป็นระบบ ก็จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคอีสานซึ่งมีที่ดินนอกเขตชลประทานถึง 80% ที่ต้องได้รับการบริหารจัดการให้สามารถกักเก็บน้ำฝนที่อยู่นอกเขตชลประทานได้ ปัจจุบันในพื้นที่อีสานสามารถกักน้ำฝนไว้ใช้ได้เพียง 3.5% จากปริมาณน้ำฝนโดยรวมซึ่งถือว่าน้อยมากจึงต้องเร่งแก้ไขและดำเนินการให้ทันก่อนฝนจะหมดในปีนี้หลักคิดในการทำโครงการคือชุมชนต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโดยรัฐทำหน้าที่สนับสนุนให้องค์ความรู้ และกระทรวงศึกษาฯภายใต้การกำกับดูแลของคุณหญิงกัลยา จะใช้กลไกของวิทยาลัยเกษตรทั้ง 47 แห่ง และโรงเรียนการศึกษาพิเศษอีก 176 แห่งทั่วประเทศเป็นศูนย์เรียนรู้ที่สำคัญ และจะมีการสร้างหลักสูตรชลกร คือผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เพื่อช่วยสอนชาวบ้านให้มีความรู้เรื่องการจัดการน้ำในชุมชน ให้สามารถดำเนินการต่อเองได้
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เปิดใจให้ทราบว่าตน เชื่อว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือ New Normal ที่แท้จริงหากเกษตรกรมีน้ำใช้ทำกิน ไม่ยากจน ลูกหลานก็จะคืนถิ่น ไม่ต้องไปทำงานไกลบ้าน โดยมีโมเดลของการจัดการน้ำในชุมชนที่ประสบความสำเร็จแล้วคือที่ชุมชนบ้านลิ่มทอง อ.นางรองจ.บุรีรัมย์ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซากมากว่า 40 ปีพื้นที่การเกษตรกว่า 3,700 ไร่ ไม่มีแหล่งน้ำ คลองส่งน้ำยามน้ำหลากก็ท่วมถนนในหมู่บ้าน ยามแล้งไม่มีน้ำใช้สอย ส่งผลชาวบ้านเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เมื่อได้มีการจัดการน้ำในชุมชนโดยการจัดทำทุ่งรับน้ำพร้อมกับขุดแก้มลิงในพื้นที่สาธารณประโยชน์ และชักชวนให้ชาวบ้านขุดสระเก็บกักน้ำในที่ดินส่วนตัว เพื่อผันน้ำที่เก็บกักไว้จากแก้มลิงมาใช้ยามต้องการ ทำให้เกษตรกรมีอาชีพมีน้ำใช้ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 300% หัวใจที่สำคัญคือคนในชุมชนต้อง”เข้าใจ” และ “อยากทำ”
ดร.คุณหญิงกัลยากล่าวทิ้งท้ายว่า ดิฉันปลูกป่ามากว่า 20 ล้านต้น ตลอดระยะเวลา 35 ปี ซึมซาบดีว่าดิน น้ำ ป่า คือชีวิตจิตใจ ที่ผ่านมามีโอกาสถวายงานรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ 9มา 45 ปี เกินครึ่งของชีวิต ได้ซึมซับพระราชปณิธาน และระลึกมาโดยตลอดว่าเราต้องทำเรื่องน้ำเพื่อชุมชนให้สำเร็จ เพราะน้ำคือชีวิต หากเกษตรกรมีน้ำใช้ ก็จะไม่ยากจน เมื่อมีน้ำใช้อย่างอื่นก็จะตามมา และจะนำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านมาปรับใช้ด้วยหลักสามประการคือ มีที่ให้น้ำอยู่ มีที่ให้น้ำไหล เก็บน้ำไว้ใต้ดิน และจะต้องประหยัด ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญสูงสุดในการทำโครงการนี้คือแก้ความยากจน
โครงการนี้ คณะทำงานที่รับผิดชอบบางส่วน ได้เริ่มลงสำรวจพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ไปแล้วโดยจะนำร่องในสามจังหวัดคือ ร้อยเอ็ด มหาสารคามขอนแก่น และขยายผลไปยังพื้นที่ต่างๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี