สธ.เผยอย่าประมาท ชี้ยังมีผู้ติดเชื้อในชุมชน ส่วนสนามมวย-ฟุตบอล และประเภทกิจการสีแดง ขอให้รอฟังความชัดเจนจากศบค.ประมาณกลางสัปดาห์หน้า
วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ผู้ป่วยในประเทศไทยถือว่าค่อนข้างน้อยแต่ยังจะเจอผู้ป่วยแบบประปราย หากเราสามารถคงแนวโน้มลักษณะผู้ป่วยแบบนี้ต่อไปจะทำให้เราคงสภาวะของการมีแพร่ระบาดในวงจำกัดต่อไปได้นาน ซึ่งเป็นสภาพที่เราอยากจะเห็นอยู่แล้วเราไม่อยากจะเห็นจำนวนผู้ป่วยกลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมที่ควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ดี แต่มีบางส่วนที่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความร่วมมือในการป้องกันตนเองของประชาชน ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่าง
แต่ขณะนี้พบว่าเริ่มมีการหย่อนมาตรการส่วนบุคคลในการสวมหน้ากากเริ่มลด การเว้นระยะห่างเริ่มน้อย รวมถึงมาตรการองค์กรในการให้พนักงานทำงานที่บ้าน ดังจะเห็นได้จากกรณีที่มีความแออัดในการใช้รถสาธารณะที่หนาแน่นอย่างมาก จึงอยากขอความร่วมมือองค์กรและบริษัทต่างๆ ที่จะออกนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านให้มากที่สุดหรือเหลื่อมเวลาการทำงาน นอกจากนี้ส่วนใดที่สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้ก็ขอให้ทำเพื่อลดความแออัด
"การตรวจหาผู้ติดเชื้อของประเทศไทยอยู่ที่สัปดาห์ละประมาณ 4.5 หมื่นตัวอย่าง หรือวันละ 6,000 ตัวอย่าง ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อแค่ 5 ราย แต่การค้นหาผู้ป่วยเป็นมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขจะเน้นหนักต่อไป เพื่อให้เจอผู้ป่วยรายใหม่ได้เร็วเพื่อทำให้ควบคุมโรคเกิดขึ้นเร็วที่สุดด้วย หากสามารถดำเนินมาตรการสาธารณสุขได้อย่างเข้มข้น ก็จะมีโอกาสกลับไปใช้มาตรการทางสังคมได้ อย่างไรก็ตาม การที่ยังมีผู้ติดเชื้อ 3 รายล่าสุดที่เป็นการติดเชื้อจากชุมชน เป็นตัวบอกว่ายังมีคนติดเชื้ออยู่ในชุมชนในประเทศ ขณะที่คนจำนวนมากคิดว่าไม่มีผู้ป่วยแล้ว แต่ก็มีรายงานการพบผู้ป่วยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเดินเข้ามาและตรวจเจอเชื้ออยู่เป็นระยะๆ สถานการณ์ในประเทศไทย ตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ต้องระมัดระวังกันต่อเนื่องต่อไป หากประชาชนดูแลสุขภาพของตัวเองและคงมาตรการควบคุมป้องกันโรคส่วนตัวที่ดีต่อไป”นพ.ธนรักษ์กล่าว
นพ.ธนรักษ์ กล่าวอีกว่า โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่เชื้อและระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ จะเกิดในสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก และหากสามารถคงสถานการณ์ให้มีผุ้ป่วยระดับต่ำๆ หรือมีการระบาดน้อย ในระดับมีผู้ติดเชื้อวันละ 5 รายต่อล้านประชากรต่อไปได้เรื่อยๆ ก็จะทำให้ประเทศไม่ต้องปิดๆเปิดๆกิจการ/กิจกรรมต่างๆ หรือนำมาตรการทางสังคมที่เป็นการบังคับกลับมาใช้อีก ยกตัวอย่าง พื้นที่กรุงเทพฯหากมีประชาการ 10 ล้านคนแล้วมีรายงานผู้ติดเชื้อ 40 คนต่อวันก็ยังถือว่าระบาดวงจำกัด ซึ่งช่วงที่มีการระบาดวงกว้างก่อนหน้านี้กรุงเทพฯมีผู้ป่วยราว 100 คนต่อวัน
ต่อข้อถามว่า การใช้พรบ.โรคติดต่อและพรก.ฉุกเฉิน มีความสัมพันธ์กดันในการช่วยป้องกันโรคโควิด –19ได้หรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ใช้จัดการปัญหาโรคติดเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันจะเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นหลัก โดยผู้มีอำนาจเต็มในการออกประกาศใดๆ คือผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะออกข้อกำหนดว่าสถานที่ใดต้องปฏิบัติอย่างไรไม่ว่าจะเป็นร้านทั่วไป หรือห้างสรรพสินค้า ขณะที่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศเพื่อให้การบริหารงานแบบบูรณาการระหว่างกระทรวงอื่นๆ ให้มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นผู้ดูแลภาพรวมทั้งหมด เพราะฉะนั้นประกาศดังกล่าวนำมาเสริมในส่วนของการทำงานข้ามกระทรวงและอำนาจบางอย่างที่ พ.ร.บ.โรคติดต่อไม่มี ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินสามารถนำมาใช้โดยเฉพาะการประกาศเคอร์ฟิว โดยทั้งหมดนี้ เพื่อที่จะควบคุมสถานการณ์ และจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนจะสามารถเปิดกิจการประเภทสนามมวย-ฟุตบอล และประเภทกิจการสีแดงได้เมื่อใดนั้น นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังความชัดเจนจากศบค.ประมาณกลางสัปดาห์หน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี