“ศบค.” กังวลผู้ป่วยโควิดใหม่เป็นวัยแรงงาน-ไม่แสดงอาการ ยกเคสสหรัฐระบาดใน “ร้านทำผม” มีผู้ป่วย 2 ราย หวั่นลามไป 154 ราย ย้ำต้องสวมหน้ากากอนามัยลดเสี่ยง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,045 ราย หายป่วยสะสม 2,929 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่ 57 ราย และอยู่ระหว่างรักษาตัว 59 ราย
สำหรับผู้ป่วยใหม่รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี เป็นพนักงานนวด เดินทางกลับจากรัสเซียเมื่อวันที่ 12 พ.ค. พักอยู่สถานกักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ตอนตรวจเชื้อไม่มีอาการ
อีก 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 45 ปี ทั้ง 2 คนอาชีพแรงงานรับจ้าง เดินทางกลับมาจากคูเวต เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พักอยู่สถานกักตัวของรัฐที่ จ.สมุทรปราการ ทั้งสองรายมีอาการไอ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 25 พ.ค.
“ผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 3 ราย เป็นวัยแรงงาน มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลย ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ โดย เรากำลังเข้าสู่มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 จะมีกิจการ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางถึงสูงที่จะได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิด แต่อย่าลืมมาตรการหลัก 5 ข้อ เพราะไม่ว่ากิจการ กิจกรรมจะความเสี่ยงสูงแค่ไหน ถ้าเราป้องกันอย่างดีก็สามารถป้องกันโรคได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโลก มีผู้ติดเชื้อ 5,588,356 ราย เสียชีวิต 347,873 ราย ส่วนข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกาพบการระบาดของโควิด-19 จากร้านตัดผมในรัฐมิสซูรี จากการสอบสวนโรคพบว่า มีช่างทำผม 1 ราย มีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. แต่ยังทำงานต่อเนื่องมากกว่า 1 สัปดาห์ และรับลูกค้า 91 ราย รวมถึงมีช่างทำผมรายที่ 2 มีอาการป่วย แต่ยังทำงานต่อเนื่องไปอีก 5 วัน รับลูกค้า 56 ราย และมีพนักงานคนอื่นๆในร้านอีก 7 คน รวมแล้วมีบุคคลที่มีความเสี่ยง 154 ราย ทั้งนี้ ภายในร้านทำผมทั้งผู้ให้บริการและลูกค้าใส่หน้ากากอนามัย จึงมีโอกาสลดการติดเชื้อ และขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจากกรณีดังกล่าวเพียง 2 ราย คือ ช่างทำผม
นอกจากนี้ แพทย์โรคหัวใจสหรัฐอเมริการายหนึ่ง ได้ยกย่องประเทศไทยติด 1 ในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกจำนวน 5 แห่ง มีแผนปรับตัวเข้ากับชีวิตวิถีใหม่โดยให้พนักงานทำงานที่บ้านภายใน 5-10 ปีข้างหน้า อาทิ เฟซบุ๊ก ที่ผู้บริหารจะให้พนักงาน 50% ทำงานที่บ้านในช่วงเวลา 5-10 ปีข้างหน้า รวมถึงทวิตเตอร์ก็มีแนวคิดทำงานที่บ้านเหมือนกัน
โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 26 พ.ค.จะคนไทยเดินทางกลับประเทศ จำนวน 4 เที่ยวบิน จำนวน 386 ราย และวันที่ 27 พ.ค. 4 เที่ยวบิน จำนวน 401 ราย สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับมาประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีจำนวน 26,095 ราย ในจำนวนพบติดเชื้อ 108 ราย หากเขาไม่เข้าอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยอาจมีมากกว่า 3,045 ราย จึงต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมทำงานในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถานกักตัวของรัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีบางส่วนใช้โรงเรียนเป็นสถานที่กักตัว เนื่องจากโรงแรมไม่เพียงพอ แต่ในวันที่ 1 ก.ค.จะมีการเปิดเรียน จึงจำเป็นต้องคืนพื้นที่ให้โรงเรียนและต้องคืนก่อนวันที่ 1 ก.ค. เพราะต้องมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อและพักไว้ก่อนครึ่งเดือน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบกับสถานกักตัวของรัฐ เพราะผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเซียลดลง ทำให้บริหารจัดการในส่วนนี้ได้ ขณะที่ผลการลงทะเบียน www.ไทยชนะ.com มีร้านค้าลงทะเบียน 111,691 ร้าน มีจำนวนผู้ใช้งาน 12,845,612 คน
“เรามาอยู่ในช่วงเวลานี้ได้ ไม่ได้ต้องการให้ใครเป็นคนที่จะได้เครดิตหรือความชอบอย่างเดียว เรื่องนี้ภาครัฐต้องเข้มข้น เอกชนต้องเข้มแข็ง ประชาชนต้องมาร่วมแรงกันประเทศไทยถึงจะได้ไปต่อ เพราะตอนนี้กิจการ/กิจกรรมต่างๆ เปิดแล้ว ประชาชนต้องช่วยเราร่วมแรงร่วมใจเราถึงจะชนะ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี