รมว.ทส.สั่งกรมน้ำวางแผนรับฝนปี63 เตรียมใช้งบกลาง-งบเงินกู้ คาดเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน413ล้านลบ.ม.
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และกำหนดมาตรการแก้ไข และลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การกำกับของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยกรมทรัพยากรน้ำได้กำหนดแผนปฏิบัติการในภาวะภัยแล้ง ได้แก่ ศูนย์ผลิตน้ำสะอาด จุดแจกจ่ายน้ำสะอาด และจุดสูบน้ำ อีกทั้งการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์เครื่องมือและบุคลากร เช่น เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ ผู้ประสานงานช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้ง ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่กว่า 500 คน
ในส่วนภาคเกษตรกร มติ ครม. (13 ม.ค.63) ทส.ได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่เกษตรไม้ผลยืนต้น ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ จำนวน 370,000 ไร่ ซึ่งจากแผนปฏิบัติการรับมือพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรไม้ผลยืนต้นนอกเขตชลประทานนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุน โดยมอบหมายหน่วยงานส่วนภูมิภาคเข้าสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำเกษตรนอกเขตชลประทาน และดำเนินการสูบน้ำช่วยเหลือได้ตามเป้าหมายจำนวนกว่า 97 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถสูบน้ำแจกจ่ายน้ำสะอาดได้กว่า 16 ล้านลิตร ประชาชนได้รับประโยชน์ 425,000 ครัวเรือน จำนวน 1,368,000 ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร 204,000 ไร่ (ข้อมูลโดย ศูนย์ป้องกันวิกฤตน้ำ, 25 พ.ค. 63)
สำหรับการเตรียมการรับน้ำฝนในปี 2563 รัฐบาล โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.เน้นย้ำให้ กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล บริหารจัดการน้ำ โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ และตามศักยภาพของแหล่งเก็บกักน้ำ โดยพื้นที่ใดที่มีแหล่งน้ำต้นทุนที่มีศักยภาพ จะต้องมีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และมีปริมาณน้ำที่มั่นคงในภาคการผลิต ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ ได้นำแนวนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ โดยการบริหารงบประมาณของกรมเพื่อให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนา และจัดทำระบบกระจายน้ำ ในทุกๆ แหล่งน้ำที่มีศักยภาพ ให้สมดุลกับปริมาณความต้องการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และประชาชนอย่างสูงสุด อีกทั้งได้มีการวางแผนสนับสนุนน้ำในโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนน้ำต้นทุนในการผลิตทางการเกษตร อันเกิดจากการย้ายถิ่นฐานของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19)
ในปีงบประมาณ 2563 กรมทรัพยากรน้ำวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนผ่านโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีก 145 แห่ง ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จประเทศไทยจะมีปริมาณกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น 160 ล้าน ลบ.ม.ประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 70,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรจะได้น้ำกว่า 186,000 ไร่ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำได้ขอสนับสนุนโครงการฯ งบกลาง เพิ่มเติมอีก จำนวน 35 โครงการ ในวงเงิน 496 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 33,111 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 7,050 ครัวเรือน และกรมทรัพยากรน้ำได้ขอสนับสนุนงบประมาณจากงบเงินกู้ จำนวน 727 โครงการ ในวงเงิน 248 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 602,779 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 163,750 ครัวเรือน คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มน้ำต้นทุนรวม 413 ล้าน ลบ.ม.และจากงานวิจัยของกรมทรัพยากรน้ำ พบว่าในหลายพื้นที่ชนบทของประเทศไทย สามารถอุปโภคและบริโภคน้ำฝนได้ โดยผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรค โดยการต้ม และการใช้ภาชนะรองรับและกักเก็บที่สะอาด อยากฝากถึงพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคในครัวเรือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี