ทลายแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ
รับจ้างชาวจีนอยากมีลูก
อายัดทรัพย์แล้ว100ล้าน
ปคม.แถลงผลทลาย “แก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ” พบผู้กระทำความผิด 23 คน ตามจับกุมได้ 22 คน เป็นหมอ 5 คน/นักวิทยาศาสตร์/นายทุนจีน/นายหน้า/สาวไทย มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 500คน พบมีหญิงไทยรับจ้างขายไข่ไม่น้อยกว่า300คน มีเงินหมุนเวียนกว่า500 ล้าน ปปง.สั่งดำเนินอายัด’บ้าน-ที่ดิน-รถ’มูลค่ากว่า100ล้านบาท ตำรวจ ส่งสำนวนให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการ ปคม.พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)และนายกมลสิทธิ์ วงศ์บุญน้อย ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติว่า ตำรวจเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการรับจ้างตั้งครรภ์หรืออุ้มบุญข้ามชาติ เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ทำการสอบสวนขยายผล โดยใช้เวลากว่า 3 เดือน พบผู้กระทำความผิด 23 คน คือ นายทุนจีนผู้ว่าจ้าง 5 คน สูตินรีแพทย์ 5 คน นักวิทยาศาสตร์ 1 คน นายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญ จัดหาหญิงสาวหน้าตาดีเพื่อซื้อไข่ รวมทั้งผู้ที่ให้การดูแลแม่อุ้มบุญในจำนวนนี้ มีการจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 22 คน รวมทั้ง แพทย์ 5 คนด้วย ส่วนอีก 1 คนนายทุนจีน ชื่อ หยาง เฉิน หลบหนีไปต่างประเทศ
พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์คดีนี้ เริ่มจากพ่อแม่คนจีนที่มีปัญหาในการมีบุตร ติดต่อนายหน้าคนจีนและนายหน้าคนไทยให้ติดต่อแพทย์เพื่อทำการตั้งครรภ์ ในกรณีที่แม่คนจีนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เอง จะมีนายหน้าคนไทย ซึ่งเดิมอาจเป็นแม่อุ้มบุญ ผันตัวมาเป็นนายหน้า จัดหาหญิงสาวเพื่อติดต่อซื้อไข่ไปผสมกับอสุจิของพ่อชาวจีน จากนั้นจะเดินทางไปฝังตัวอ่อนยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจาก ไทยมีกฎหมายอุ้มบุญ เมื่อปี 58 พวกนี้จึงเลี่ยงกฎหมาย
หลังจากแม่อุ้มบุญที่ตั้งครรภ์ติดแล้ว จะดำเนินการคลอดลูกที่ประเทศไทย และแม่อุ้มบุญเป็นคนอุ้มไปส่งให้พ่อแม่คนจีนที่เมืองจีน กับอีกวิธีหนึ่งคือเดินทางไปคลอดลูกที่จีน และแปลงสัญชาติ เด็กเป็นพลเมืองจีน คดีนี้ตำรวจพบผู้เกี่ยวข้องในคดีถึง 500 คน ประมาณ 300 คน เป็นหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญและขายไข่ แต่ทั้งหมดถูกกันตัวไว้เป็นพยาน ดำเนินคดีเฉพาะ 23 คนข้างต้น นอกจากนี้ตำรวจยังประสาน ปปง. ตรวจสอบรถยนต์ในเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติกว่า 20 คัน ที่ดินในกรุงเทพฯ 4 แปลง รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถยึดทรัพย์สินทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ในไม่ช้า
พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้ ตำรวจใช้เวลากว่า 3 เดือนในการคลี่คลาย และได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 2 ข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มบุญ และ พ.ร.บ.อาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อ 19 เมษายนที่ผ่านมา ให้อัยการพิจารณา จากนั้น อัยการตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน ซึ่งมีจำนวนกว่า 30 แฟ้ม และสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 22 คน ยืนตามพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา
“คดีนี้มีแพทย์เกี่ยวข้อง 5 คนที่ทำหน้าที่ฝังตัวอ่อนให้กับแม่อุ้มบุญ ในเบื้องต้น แพทย์ 5 คนนี้ ถูก ตั้ง 2 ข้อหา เช่นกันและให้การปฏิเสธ ซึ่งต้นสังกัด จะประสานขอข้อมูลเพื่อพิจารณาเอาผิดแพทย์กลุ่มนี้ด้วย แต่คาดว่าต้องใช้เวลา หลังจากศาลมีคำพิพากษาในคดีแล้ว” ผู้บังคับการ ปคม. กล่าวย้ำ
ด้าน นายกมลสิทธิ์ วงศ์บุญน้อย ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงาน ปปง.กล่าวว่า มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการนี้พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ล่าสุด อายัดรถยนต์ในเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติกว่า 20 คัน ที่ดินในกรุงเทพฯ 4 แปลง รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์อธิบดี สบส.กล่าวว่าสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับแพทย์และสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง กับการอุ้มบุญ คงต้องรอผลการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม สบส.ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้องค์กรวิชาชีพแพทย์ ที่เกี่ยวข้องพิจารณา ซึ่งจะมีบทลงโทษระบุชัดเจน ขั้นรุนแรงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาตแพทย์ และเพิกถอนใบอนุญาตเปิดคลินิกหรือสถานประกอบการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี