สธ.เผยระดับมาตรการหากพบแพร่เชื้อ จะเริ่มปิดโดยไล่จากธุรกิจที่แพร่โรค หากคุมไม่อยู่ค่อยปิดธุรกิจที่มีเสี่ยงสูงไปต่ำในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาด สุดท้ายจำกัดการเดินทางออกจากพื้นที่ที่มีการระบาด
วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(COVID-19)ว่า การที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมาระยะหนึ่งก็สามารถพูดได้ว่าเราสามารถควบคุมโรคได้ แต่ถ้าถามว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคหรือยังนั้นยังเร็วเกินไป ส่วนสถานการณ์ข้างหน้าถ้าทุกคนยังคงช่วยกันดูแลมีความพยายามที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเต็มที่ในลักษณะแบบนี้ต่อไป ก็คาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยในระดับต่ำต่อเนื่อง แต่เมื่อไหร่ก็ตามเราพลาดหรือเผลอให้มีการรวมตัวกันของผู้คนเป็นจำนวนมากและถ้ามีผู้ป่วยหลุดเข้าไปได้โอกาสที่จะเจอสถานการณ์กลับมาเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยก็จะเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การจัดการปัญหาของการแพร่ระบาดของเชื้อแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่ ระยะที่ 2 สร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งหวังว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยวิธีการให้วัคซีน และระยะที่ 3 ฟื้นฟูเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดของโรคใหม่ๆที่อาจจะตามมา โดยสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 1 ซึ่งทุกจังหวัดในประเทศไทยการแพร่ระบาดของโรคยังอยู่ระดับที่ 1 คือไม่มีผู้ป่วย หรือมีผู้ป่วยในวงจำกัด
ทั้งนี้ เมื่อไหร่ก็ตามประชาชนได้มีการย่อหย่อนในเรื่องของการป้องกันตัวเอง ไม่ระมัดระวังตัวก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง และอาจจะกลับไปสู่การแพร่ระบาดในระดับวิกฤติ นั่นคือจำนวนเตียงน้อยกว่าจำนวนผู้ป่วยที่สามารถรับได้ ทุกจังหวัดจะต้องเตรียมการในเรื่องนี้ต่อไป
นพ.ธนรักษ์ กล่าวอีกว่า มาตรการทางสาธารณสุขที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้ คือการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมาตรวจได้ถึง 45,076 ตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าแม้พบผู้ป่วยน้อยลงแต่มาตรการทางสาธารณสุขในการค้นหาผู้ป่วยยังทำอย่างเข้มข้นเต็มที่ โดยถ้านับตั้งแต่ต้นปีมีการตรวจหาเชื้อมากถึง 4.2 แสนตัวอย่าง อย่างไรก็ดีมาตรการทางสาธารณสุขไม่กระทบปัญหาทางเศรษฐกิจยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติ ในมาตรการระดับบุคคล กลุ่มเสี่ยงยังคงควรพักอยู่กับบ้านไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น หัวใจ เบาหวาน ความดัน มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม สำหรับครอบครัวที่มีกลุ่มเสียง ผู้ที่ออกจากบ้านจะต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ว่าตัวเองสามารถนำเชื้อกลับไปที่บ้านได้
นพ.ธนรักษ์ ยังเตือนผู้ที่ใส่ Face Shield ว่า การใส่ Face Shield โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยด้วย จะไม่ป้องกันทั้งตัวเองและคนที่อยู่รอบข้าง ยิ่งถ้าอยู่ใกล้กับผู้ที่ไม่สบาย โอกาสที่จะติดเชื้อจะเท่ากับการที่ไม่ใส่อะไรเลย
เมื่อถามว่าหลังจากเปิดกิจการแล้วพบว่า สถานประกอบการไหนมีการแพร่ระบาดของเชื้อ จะปิดกิจการอย่างไร นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า การจะรู้ว่าสถานประกอบการไหนไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ประชาชนที่ไปใช้บริการสามารถแจ้งได้ที่สาธารณสุขจังหวัด หรือศาลากลางจังหวัด โดยทางเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำในการปรับปรุงโดยเร็ว
"แต่ถ้าเมื่อกลับมาพบผู้ป่วยใหม่และมีการสอบสวนโรคพบว่า มีการติดโรคมาจากที่ใดที่หนึ่ง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่เหมาะสมทำให้เป็นแหล่งแพร่โรค จังหวัดคงให้สาธารณสุขจังหวัด และพื้นที่สามารถมีอำนาจให้ปิดสถานที่นั้น ปรับปรุงจนกว่าจะดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งถ้าไม่ปิดและพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคเป็นวงกว้าง โอกาสที่โรคจะแพร่ต่อไปจะเป็นระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นลักษณะของการปิดธุรกิจในอนาคต หากทำจริงๆก็จะเริ่มจากปิดสถานที่ที่เป็นแหล่งแพร่โรคก่อน มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ก็จะเริ่มปิดโดยไล่จากธุรกิจที่มีการแพร่โรค และถ้าควบคุมไม่ได้ก็จะเริ่มปิดธุรกิจที่มีเสี่ยงสูงไปต่ำในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาด และจำกัดการเดินทางออกจากพื้นที่ที่มีการระบาด"นพ.ธนรักษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี