ฉบับที่แล้วไปร่วมงานเลี้ยงรับรองที่ภัตตาคารในนครหนานหนิง เขียนเพลินไปเยอะเกี่ยวกับธรรมเนียม “กันเป่ย” ของจีนซึ่งเน้นว่ามีดำรงคงอยู่มานานและไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตกลงคืนนั้นหลังจากรู้จักมักจี่กันดีแล้วพวกเราทุกคนก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม
เช้าวันต่อมาก็เป็นรายการสำคัญ เพราะเป็นการประชุมโต๊ะกลมเป็นวันแรก ตอนลงทะเบียนก่อนเข้าประชุมกลายเป็นว่า เราได้พบปะกับผู้คนรู้จักคุ้นหน้าหลายคน ผมว่าพวกเราชาวอาเซียนทั้งหลายก็มักจะวนเวียนเจอหน้าซ้ำซากกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละครับ เรื่องคือ มันเป็น Line หรือ Field เดียวกัน ดังนั้นผู้แทนแต่ละประเทศในอาเซียน ก็ไม่พ้นที่จะเป็นคนหน้าเดิม ที่เราไปเจอในเวทีต่างๆ มาแล้ว บางคนก็สนิทชิดเชื้อกันดี เพราะเคมีอาจตรงกัน แต่บางคนก็เพียงจำหน้ากันได้แต่ไม่สนิทชิดเชื้อเท่าใดนัก แต่ก็มีบางคนที่เป็นถึงคณะมนตรีแอปเตอร์เลยทีเดียวที่มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ สรุปแล้ว ถึงผมจะมาประชุมเป็นครั้งแรก ทว่าก็ไม่ใช่เวทีการประชุมที่แปลกประหลาดอันใดเลย เมื่อเดินเข้าห้องประชุมทุกคนในพิธีเปิดต้องใส่สูทกันเต็มยศ แต่ก็ต้องผ่านจุดรักษาความปลอดภัย น่าพูดถึงอย่างยิ่งและขออนุญาตเขียนอาจยาวหน่อย คือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. ของจีน เพราะก็เหมือนกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่กล่าวมาแล้วไม่มีผิด ถึงแม้ว่าคนเข้าประชุมจะแต่งตัวโก้หรูด้วยสูทแสนเท่ ผูกเนคไทอย่างดีมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน ก็ต้องได้รับการตรวจตราแบบเดียวกัน การเดินลอดเครื่องสแกน ถ้ามีเสียงเตือน รปภ. ก็จะสั่งให้ถอดเสื้อสูท เปิดกระเป๋า หรือสั่งให้ไปเดินมาอีกรอบ แม้กระทั่งตัวผู้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวันนั้น ซึ่งได้แก่ ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรจีน ผมชื่นชมการทำหน้าที่ของ รปภ. แบบนี้ครับ เพราะเห็นมามากที่ไม่ควรเอาอย่าง คือ เรื่องของสิทธิพิเศษบ้าง อภิสิทธิ์ชนบ้าง วีไอพี บ้าง บัตรเบ่งบ้าง ทำให้ทุกอย่างเสียระบบ และนำไปสู่การรักษาความปลอดภัยที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้มาตรฐาน
ประเด็นปัญหา ก็คือพวกบุคคลสำคัญทั้งหลายนั่นแหละตัวต้นเหตุ ไม่รู้จักแยกแยะว่านี่คือการทำหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบเพื่อประโยชน์ในด้านความปลอดภัยของส่วนรวม คือ ทำตัวใหญ่ไปหมด ผิดที่ผิดทาง เห็น รปภ.ระดับเล็กๆ ก็มองว่าตนเองเหนือกว่า โดยลืมไปว่ามันคนละหน้าที่กัน การที่เขาจะตรวจเข้มตามหน้าที่ บางทีก็ไปตำหนิเขาว่าไม่ให้เกียรติบ้างละไม่เห็นหรือว่าผมคือใคร อันนี้ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ถึงท่านจะเป็นรัฐมนตรี แต่เมื่อต้องผ่านการตรวจตราโดยเจ้าหน้าที่เล็กๆ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการทำหน้าที่ของเขาได้ หน้าที่ใครหน้าที่มัน คนเป็นอธิบดี ถ้าขับรถยนต์ผิดกฎหมาย จ่าตำรวจซึ่งระดับต่ำกว่ามาก โดยหน้าที่ก็ต้องสามารถจับอธิบดีได้ โดยอธิบดีคนนั้นไม่มีสิทธิ์จะเอาตำแหน่งไปอวดเบ่งสำทับจ่าตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับผมนะครับว่า นี่คือหลักคิดและหลักการที่ถูกต้องที่สุด เพราะในทางตรงข้าม หากผู้น้อยถูกผู้ใหญ่รังแกเอาเรื่องโดยไม่เป็นธรรมขณะทำหน้าที่ที่ถูกต้อง วันหนึ่งเขาก็ต้องหยุดทำหน้าที่หรือทำไปแบบแกนๆ เพราะทำแล้วเจอตอ อยู่เฉยๆ ดีกว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ผมเคยไปดูงานต่างประเทศกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับปลัดกระทรวง ท่านปลัดกระทรวงยังต้องเข้าคิวปกติรับการตรวจทาง ตม.โดยเท่าเทียมกับคนธรรมดาอื่นๆ ทั้งสิ้น ผมขออนุญาตเอาเรื่องการทำหน้าที่มาเล่า เผื่อว่าจะช่วยให้บางท่านที่หลงผิด กลับมาปรับเปลี่ยนวิธีคิดวิธีปฏิบัติ เพื่อสังคมบ้านเราจะได้ดีขึ้นบ้างครับ
ท่านประธานในที่ประชุม หรือท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรจีน ท่านคงเป็นคนอินเตอร์ เพราะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก และนั่งเป็นประธานการประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องของสถานการณ์การผลิตพืชอาหารในแต่ละประเทศที่เกี่ยวข้องกับปริมาณการบริโภคว่าพอเพียงหรือไม่และจะมีแนวทางพัฒนาแก้ไขและแสวงหาความร่วมมือกันอย่างไร ก็เป็นบรรยากาศที่ดีครับ คนพูดเก่ง ก็จะมีความเห็นตลอด ส่วนคนพูดไม่เก่ง หรือคนพูดน้อยก็จะไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นอะไรมากนัก ว่ากันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นยังไม่จบ เพราะมีกันตั้งสิบประเทศ เลยต้องมาต่อกันในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นเฉพาะผู้แทนประเทศประเทศละ 1 คน และผู้แทนองค์กร ซึ่งรวมถึงผมด้วยก็ได้รับเชิญจากท่านประธานเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการในค่ำวันนี้ ณ ห้องอาหารวีไอพี ของโรงแรมที่จัดประชุมนั้นเองครับ
ที่มารูป : CAEXPO
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี