“สืบ ตม.1” สนองนโยบาย “ผบ.ตร.-ผบช.สตม.” รวบขบวนการเครือข่าย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เครือข่ายชาวไนจีเรีย ตุ๋นเหยื่อทั่วไทย ภายใน 1 ปีพบเงินหมุนเวียนกว่า 280 ล้านบาท
4 มิถุนายน 2563 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. แถลงผลการจับกุมขบวนการเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ชาวไนจีเรีย
ทั้งนี้ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ต่อมา กก.สส.บก.ตม.1 แถลงผลการจับกุมขบวนการเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ชาวไนจีเรีย โดย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.ฯ ปรก.ผกก.สส.บก.ตม.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนากร นิ่มมะโน รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ โรจนวานิชกิจ และ พ.ต.ต.ธงค์ โตอนันต์ สว.กก.สส.บก.ตม.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.สส.บก.ตม.1 ทำการสืบสวนข้อมูลและขยายผลเกี่ยวกับการกระทำความผิดของคนต่างด้าวสัญชาติเป้าหมายตามนโยบายของ ผบช.สตม. และ ผบก.ตม.1 โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลสัญชาติแอฟริกันที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมักจะมีพฤติการณ์ใช้สื่อโซเชียลหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยด้วยวิธีการต่างๆ เช่น หลอกให้ลงทุน หรือหลอกลวงว่าจะมาใช้ชีวิตร่วมกันโดยส่งทรัพย์สินราคาแพงมาให้และให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเพื่อรับทรัพย์สินดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อหลงกลโอนเงินไปทำให้ผู้เสียหายสูญเงินตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้จากทั่วประเทศ และได้ทำการสืบสวน เฝ้าติดตามบัญชีธนาคารต้องสงสัย ซึ่งผู้เสียหายได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการจำนวน 4 ราย เป็นหญิงไทย 1 รายและคนสัญชาติไนจีเรียอีก 3 ราย โดย 1 ใน 3 ราย ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปก่อนหน้าที่จะออกหมายจับแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลและติดตามผู้เสียหายเพิ่มเติม โดยมีผู้เสียหายจำนวนหลายราย และมีรายหนึ่งสูญเงินไปกว่า 1.4 ล้านบาท เหตุเกิดที่จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานงานให้ผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่อไป ซึ่ง ณ ขณะนี้ได้มีผู้เสียหายแจ้งความประสงค์เข้าแจ้งความแล้วที่ สน.วังทองหลาง , สภ.เมืองภูเก็ต , สภ.ดอนหว่าน ภ.จว.มหาสารคาม และ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีของคนในกลุ่มเครือข่ายนี้พบว่าในภายใน 1 ปี มีเงินหมุนเวียนกว่า 280 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี