สหกรณ์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถาบันที่มีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิก โดยยึดหลักการช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การปลูกฝังและพัฒนางานสหกรณ์ของชาติ ต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเยาวชนในสถานศึกษา ด้วยการนำองค์ความรู้ กระบวนการสหกรณ์ ให้นักเรียนได้เรียนรู้เพื่อเกิดการพัฒนา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของสายเลือดใหม่ในการสร้างงานสหกรณ์ให้เข้มแข็งต่อไปในอนาคต...
ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนองแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงริเริ่มและส่งเสริมให้จัดการเรียนรู้และดำเนินกิจกรรมสหกรณ์ในโรงเรียน มาตั้งแต่ปี 2534 โดยเริ่มต้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งได้บูรณาการขับเคลื่อนจากหลายหน่วยงาน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้มีการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในโรงเรียนในพระราชดำริ โรงเรียนสังกัดพื้นที่การศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ครอบคลุมในทุกโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อปลูกฝังแนวคิด แนวปฏิบัติ ตามอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ให้แก่เด็กและเยาวชนไทยด้วยการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ สามารถสร้างการเรียนรู้และทักษะในการร่วมคิด ร่วมทำ การวางแผน การแก้ปัญหา การจัดการ การออม การฝึกทักษะงานอาชีพ เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม
เมื่อหลายวันก่อน ผมได้มีโอกาสนั่งสนทนากับ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ถึงการให้ความรู้ด้านสหกรณ์ให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องจากเห็นว่าใกล้ถึง“วันสหกรณ์นักเรียน” ในวันที่ 7 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งท่านอธิบดี ได้ให้มุมมองต่อการจัดการเรียนรู้สหกรณ์นักเรียนว่า ในปัจจุบัน กรมส่งเสริม สหกรณ์ได้ลงไปให้การส่งเสริม ทั้ง ภาคทฤษฎี คือ สอนให้นักเรียนเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่ม เรียนรู้ถึงการช่วยกันแก้ไขปัญหา รู้จักว่าสหกรณ์คืออะไร ความรู้เบื้องต้นเรื่องสหกรณ์ ทั้งประเภทและโครงสร้างสหกรณ์ อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ เป็นสมาชิกสหกรณ์แล้วได้อะไร มีสิทธิอะไรบ้าง รวมถึงรู้วิธีการดำเนินธุรกิจต่างๆ การทำแผนธุรกิจ การทำบัญชี และส่งเสริมใน ภาคปฏิบัติ โดยให้นักเรียนลงมือทำสหกรณ์จริงในโรงเรียน โดยมี 4 กิจกรรมหลัก คือ 1. กิจกรรมส่งเสริมการเกษตรและอาชีพ 2. กิจกรรมร้านค้าสหกรณ์ 3. กิจกรรมออมทรัพย์ ส่งเสริมการออม และ 4. กิจกรรมการศึกษาและสวัสดิการ เป็นการส่งเสริมความรู้ให้แก่คณะกรรมการสหกรณ์นักเรียนและสมาชิก พาไปทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับโรงเรียนต่างๆ และเรียนรู้การดำเนินงานของสหกรณ์จริง
ส่วนทิศทางที่จะเดินหน้าต่อไปเกี่ยวกับสหกรณ์นักเรียนนั้น ท่านอธิบดี บอกว่า ได้วางนโยบายไว้ 3 ด้าน คือ 1. เรื่องการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนและการอบรมวิธีการสอนให้แก่ครูสหกรณ์ของแต่ละโรงเรียน จะจัดให้ครูทั่วประเทศได้พบกันปีละหน เพื่อให้เกิดการพัฒนาซึ่งกันและกัน ได้มาแลกเปลี่ยนกันว่าในการปรับรูปแบบการเรียนการสอนจะไปในทิศทางใด 2. การสนับสนุนให้มีการศึกษาดูงาน ให้เด็กนักเรียนได้เปิดหูเปิดตา เห็นความแตกต่างจากในพื้นที่ของตน เป็นการสร้างเสริมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในมิติต่างๆ และเรื่องที่ 3. คือ การเพิ่มความเข้มข้นให้เด็กได้เรียนรู้ถึงความเป็นสหกรณ์ โดยการฝึกฝนปฏิบัติการบริหารกิจการสหกรณ์จริงๆ เริ่มตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงเรื่องการดูแลเงิน เรื่องการร่วมแรงร่วมใจทำงาน เรื่องการประชุม เรื่องการลงบัญชีรายรับ-รายจ่าย เรื่องการขายผลผลิต ให้เห็นถึงการบริหารกิจการสหกรณ์ภายใต้ร้านสหกรณ์ โดยให้ร้านสหกรณ์เป็นเหมือนศูนย์ฝึกปฏิบัติในทุกกระบวนการ มุ่งหวังให้เด็กกลุ่มนี้นำหลักการและวิธีการสหกรณ์เข้ามาบริหาร มาปฏิบัติในร้านสหกรณ์นักเรียน สามารถนำเงินทุนที่มีอยู่ไปบริหารจัดการด้านการผลิต การรวบรวม การแปรรูป การจัดจำหน่าย การได้รับผลตอบแทน และการปันผล เป็นการฝึกให้เด็กได้วางแผนการใช้เงินเป็นเครื่องมือในการทำงานตามระบบสหกรณ์ ทำให้เด็กได้เรียนรู้ว่าความเสี่ยงของเงินคืออะไร ความปลอดภัยของเงินคืออะไร ระบบควบคุมภายในคืออะไร ความล้มเหลวคืออะไร ความสำเร็จคืออะไร เด็กจะได้เรียนรู้ทุกอย่าง สามารถบริหารกิจการเป็น เมื่อเขาออกไปสู่โลกภายนอก อยู่ในชุมชน อยู่ในหมู่บ้านของเขา เด็กกลุ่มนี้จะสามารถเป็นแกนนำ
ขับเคลื่อนสหกรณ์ในหมู่บ้าน ในพื้นที่ของเขาได้ ถ้าสามารถก้าวไปถึงการฝึกปฏิบัติจริงตรงนั้น เด็กก็จะได้เข้าถึงแก่นแท้ของระบบสหกรณ์ ไม่ใช่เพียงแค่ลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นอย่างเดียว นั่นยังไม่ใช่ระบบสหกรณ์อย่างแท้จริง
จากการที่ได้นั่งสนทนากับท่านอธิบดีฯ ในวันนั้น ทำให้ผมได้รู้ว่า การจัดการเรียนรู้และจัดกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนในสถานศึกษาที่ดำเนินการมาตลอด 29 ปี ได้ปรากฏผลเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรมในหลาย ๆ ด้าน สามารถเชื่อมโยงการฝึกทักษะชีวิตและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้แก่เด็กและเยาวชนได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมความสามัคคี การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น มีการแบ่งปันความรู้และภูมิปัญญา เกิดการทำงานร่วมกัน ซึ่งนอกจากเด็กจะมีความรู้ความเข้าใจในวิชาการและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการสร้างนิสัยการออมได้แล้ว ยังได้เรียนรู้การทำการเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียน รวมถึงการฝึกอาชีพต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้เสริม และที่สำคัญยังมีส่วนในการขยายผลด้านอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ไปสู่ผู้ปกครองและชุมชน อันเป็นการช่วยให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นในสังคมจากระดับฐานราก เกิดการพึ่งพาตนเอง การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมเกิดความก้าวหน้า พัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วน
สุธิพงศ์ ถิ่นเขาน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี