“รองโฆษก สตม.” แจงปมโซเชียลสงสัยจับ “ต่างด้าว” ส่งโรงพักปรับ-ลงโทษทางคดีแล้ว ทำไมโดนส่งกลับประเทศ กางข้อกฎหมายยันทำถูกต้องทุกขั้นตอน
6 มิถุนายน 2563 ที่กองงานโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 (สืบสวนป้องกันปราบปราม) ในฐานะรองโฆษก สตม. ปฏิบัติหน้าที่แทน พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.และโฆษก สตม. เปิดเผยถึงกรณีมีผู้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย สงสัยการจับกุมของ กก.1บก.สส.สตม. ว่าทำไมจับกุมต่างด้าว ปรับและลงโทษทางคดีแล้ว ทำไมต้องโดนส่งกลับประเทศบ้านเกิด ว่า ได้รับการสั่งการจากโฆษก สตม. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว
จากการตรวจสอบมีรายละเอียด คือ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงที่บริเวณตลาดส่งเสริมเกษตรไทย แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ พบผู้ถูกจับมีลักษณะคล้ายคนต่างด้าว ขณะกำลังขายสินค้า ประเภทอาหารตามสั่ง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอตรวจสอบเอกสารเดินทาง และใบอนุญาตทำงาน
ผู้ถูกจับได้แสดงหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา ชื่อ นางซกเจีย พน อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา และใบอนุญาตทำงานประเภทงานกรรมกร (กิจการก่อสร้าง) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้” อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผลคดีพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินการเปรียบเทียบปรับผู้ถูกจับตามคดีเปรียบเทียบ ที่ 932/2563 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2563 เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อควบคุมตัวรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาราจักรต่อไป
พ.ต.อ.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า ความผิดตามมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และเมื่อได้ชำระค่าปรับแล้วให้ส่งคนต่างด้าวนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร็ว ดังนั้นกรณีการจับกุมข้างต้น จึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว การจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างครบถ้วนถูกต้อง และมิได้มีการติดต่อหรือโทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลอื่นนอกจากคนต่างด้าวที่ถูกจับกุมแต่อย่างใด น่าจะเป็นเข้าใจผิดของผู้ที่โพสต์สงสัย และอาจได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักที่อาจสื่อสารกันในรายละเอียดไม่ครบ
“ตรงนี้เป็นกฎหมายพิเศษเฉพาะทางที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานใช้เป็นการทำงานหลัก เพราะมีขั้นตอนระเบียบกฎหมายในการปฏิบัติเมื่อต่างด้าวกระทำความผิดโดยไปทำงานนอกเหนือจากสิทธิ์ที่ได้รับอนุญาตให้ทำ หรือทำงานผิดประเภทผิดเงื่อนไขที่จะดำเนินการกับต่างด้าวที่กระทำความผิดในฐานความผิดต่างๆ โดยในเคสดังกล่าวเมื่อถูกดำเนินคดีและถูกปรับเงินแทนโทษแล้วจะต้องถูกส่งกลับประเทศบ้านเกิดสัญชาติตนเองทันที” รองโฆษก สตม.กล่าว
รองโฆษก สตม. กล่าวด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการจับกุมและดำเนินคดีอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและการสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) และ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. ซึ่งควบคุมงานสืบสวนและปราบปรามของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด โดยกำชับให้เข้มงวดกวดขันในการจับกุมต่างด้าวหรือต่างชาติที่กระทำความผิดในเมืองไทย เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ โดยหากประชาชนผู้ใดมีเบาะแสในการกระทำความผิดของคนต่างด้าวหรือต่างชาติสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหมายเลข 117 8 หรือแจ้งเลขที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำจังหวัดนั้นๆ หรือพื้นที่ดังกล่าวได้ทันที รวมทั้งติดต่อได้ที่เว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง www.imigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี