กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำ “โครงการบ้านพอเพียงเลี้ยงชีวิตสู้โควิด-19” โดยถ่ายทอดความรู้การปลูกพืชผักและสมุนไพรพร้อมจัดทำจุดเรียนรู้ต้นแบบ “การปลูกพืชผักและสมุนไพรในครัวเรือน” โดยมีอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ประสานงานและถ่ายทอดความรู้ในการปลูกพืชผักและสมุนไพรในครัวเรือนกับเกษตรกรในหมู่บ้าน หวังปั้นเกษตรกรต้นแบบในระดับชุมชน
นายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เพื่อสร้างความเข้มแข็งภาคเกษตรและทำให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืนและตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตรของเกษตรกรทุกระดับ กรมจึงจัดทำโครงการ “โครงการบ้านพอเพียงเลี้ยงชีวิตสู้โควิด-19” เพื่อบรรเทาผลกระทบสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ พร้อมให้เกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบมีพืชอาหารบริโภคสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สร้างความมั่นคงทางอาหาร เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน ตลอดจนแก้ปัญหาการขาดแคลนพันธุ์พืชพันธุ์ดีในท้องถิ่นส่งเสริม ให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อดำเนินการตามระบบส่งเสริมการเกษตรผ่านอกม.ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้ตัวแทนเกษตรกรในชุมชน ซึ่งโครงการฯได้ผลิตต้นพันธุ์พืชผักและสมุนไพร 7 ชนิด รวม 3,634,464 ต้น พืชผักและสมุนไพรหลัก 4 ชนิด เป็นพืชที่เป็นที่นิยมบริโภคและผลิตจากเมล็ดได้ง่ายมีจำนวนมากรวม 2,271,540 ต้น ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร มะละกอ พริก และมะเขือ และพืชผักและสมุนไพรเสริม จำนวน 3 ชนิด รวม 1,362,924 ต้น ได้แก่ มะรุม ผักหวานบ้าน และแคบ้าน
อาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) จะเป็นผู้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมาจากเกษตรกรแต่ละหมู่บ้าน เป็นตัวแทนผู้ถ่ายทอดความรู้ให้คนในชุมชน โดยต้องมีคุณสมบัติ 1.สนใจและสมัครใจ 2.มีพื้นที่และแหล่งน้ำเพียงพอปลูกพืชผักและสมุนไพรซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการ 7 ชนิด รวม 16 ต้น/ครัวเรือน 3.ให้คำแนะนำวิธีปลูกดูแลและขยายพันธุ์พืชผักสมุนไพรดังกล่าวให้เกษตรกรรายอื่นเพื่อขยายผลได้5. สำนักงานเกษตรอำเภอ ส่งมอบต้นพันธุ์พืชที่พร้อมปลูกให้อกม. เพื่อแจกต้นพันธุ์พืชผักสมุนไพรสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ดังกล่าว 3 ครัวเรือน/หมู่บ้าน 6. สำนักงานเกษตรอำเภอจัดทำจุดเรียนรู้การปลูกพืชผักและสมุนไพรในครัวเรือนเพื่อเป็นต้นแบบ บริเวณสำนักงานเกษตรอำเภอหรือสถานที่ที่มีความเหมาะสมอำเภอละ 1 จุด โดยจัดทำจุดเรียนรู้ต้นแบบ “การปลูกพืชผักและสมุนไพรในครัวเรือน” เป็นจุดเรียนรู้ใหม่หรือบูรณาการร่วมกับจุดเรียนรู้ที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความสะดวกในการขยายผลสู่เกษตรกร หรือผู้สนใจ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ความสะดวกในการเดินทาง และมองเห็นง่าย โดยเน้นปลูกพืชผักอายุสั้นร่วมกับพืชผักและสมุนไพรที่ได้รับสนับสนุน จากโครงการฯเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชผักและสมุนไพรสำหรับบริโภคในครัวเรือนและผลผลิตเหลือแบ่งปัน ให้ชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมกับการบริหารจัดการการใช้น้ำอย่างประหยัด เช่น ใช้น้ำมือสอง จากการอุปโภคบริโภค ให้น้ำแบบระบบน้ำหยดหรือมินิสปริงเกอร์ เพื่อเป็นต้นแบบบริเวณสำนักงานเกษตรอำเภอหรือสถานที่เหมาะสมอำเภอละ 1 จุด ซึ่งสามารถพัฒนาให้เป็น “ศูนย์พันธุ์พืชชุมชน” พร้อมมีผู้นำเกษตรกรชุมชนในอนาคตเพื่อใช้เป็นต้นแบบศึกษาเรียนรู้ให้เกษตรกรในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี