"ครูตั้น"เดินหน้าสร้างบิ๊กดาต้าเก็บข้อมูลเรียลไทม์ ห่วงนักเรียนตจว.สอบติดในเมือง อาจต้องกักตัวก่อนเปิดเทอม14วันเพื่อความมั่นใจ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยากให้กระทรวงนำระบบบิ๊กดาต้ามาใช้เชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงต่างๆ ได้ และบิ๊กดาต้าจะช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่างของประชาชนได้ดี ทั้งเรื่องความเสมอภาคและความยากจนต่างๆ
นอกจากนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเน้นย้ำว่าให้ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า อย่าใช้งบประมาณเหมือนที่ใช้งบประจำปีของทุกๆ ปี ดังนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสนออนุมัติในครั้งเดียว อาจจะเสนอเป็นระลอกๆ ไปได้ แต่ขอให้ใช้ด้วยความระมัดะวังและใช้ตามความเหมาะสม
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องบิ๊กดาต้าของ ศธ.นั้น จากที่ตนดูแล้ว ศธ.มีความพร้อมทุกอย่าง เพียงแต่ต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้นกว่านี้ เพราะอาจจะมีข้อมูลหลุดบางส่วน และการอัพเดทข้อมูลยังไม่เรียลไทม์ ซึ่งถ้า ศธ.มีบิ๊กดาต้าก็จะต้องมีการอัพเดทเรียลไทม์ เข่น เรื่องจำนวนของนักเรียนที่บอกว่าอัพเดทปีละ 2 ครั้งนั้น ตนคิดว่าก็ยังไม่เหมาะสม จะต้องมีการอัพเดทข้อมูลของนักเรียนตลอดเวลา เพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวของตัวนักเรียนเอง และเพื่อจะได้รู้ว่านักเรียนยังอยู่หรือมีใครหลุดออกจากโรงเรียนเมื่อไหร่อย่างไร เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงเรียน เพราะได้พิสูจน์มาแล้วที่มีหลายพันโรงเรียนผ่านโครงการคอนเน็กซ์อีดี และได้มีการเชื่อมต่อดาต้าของ ศธ.ที่ลองเชื่อมต่อดู ก็พบว่ายังมีข้อที่ ศธ.ต้องปรับปรุงอยู่บ้าง แต่คงไม่มีปัญหาอะไรหากจะนำระบบนี้มาใช้ เพราะในอนาคต ศธ.ต้องใช้เทคโนโลยีเต็มรูปแบบอย่างแน่นอน
ส่วนการทำข้อมูลให้เป็นแบบเรียลไทม์ก็จะไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับครู เพราะการทำเรียลไทม์ทุกอย่างต้องออโตเมติก ถึงแม้จะต้องมีการจัดสรรงบประมาณบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติหรือสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา และต้องทำให้คุ้มค่าในระยะยาวด้วย
"ยกตัวอย่างการบริหารจัดการโรงเรียนจากที่ผมได้หารือกับคอนเน็กซ์อีดี ก็ดูว่าทางกระทรวงดีอีเอส จะสามารถบริจาคให้กระทรวงศึกษาธิการได้หรือไม่ ถ้าได้ ศธ.ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร แต่ต้องมีการบำรุงรักษาโดย ศธ.เอง ซึ่งวันนี้ผมก็ให้ทีมงานเข้าไปทำความเข้าใจกับระบบนี้ หรือการทำให้ตัวดาต้านี้มีการอัพเดทข้อมูลได้ตลอดเวลา ผมมั่นใจว่าระบบบริหารจัดการโรงเรียน ถ้าหากผสมผสานกับส่วนของ ศธ.เหมือนที่ร่วมกับฝ่ายเอกชนที่ทำมาแล้ว เรียกได้ว่าเรามีระบบที่มีรายละเอียดครบถ้วนและคุ้มค่าแน่นอน และสามารถนำข้อมูลไปคิดวิเคราะห์ในการตัดสินใจในอนาคตได้ ขณะนี้ผมก็พยายามทำระบบนี้ให้ใช้งานได้ก่อนเปิดภาคเรียน แต่อาจจะยังไม่ได้ครบถ้วนทั้งหมดทุกโรงเรียน"
รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ จะไม่ทำให้นักเรียนลดออกจากระบบการศึกษา แต่ทำให้กระทรวงศึกษาธิการค้นพบนักเรียนที่อยู่นอกระบบมากขึ้น เพราะจากที่ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต่างๆ พบว่าคุณครูได้ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นเพื่อไปพบกับนักเรียนที่บ้านมากขึ้น ทำให้หลายๆ พื้นที่ทราบว่าเด็กอยู่ตรงไหนอย่างไร และทำให้มีข้อมูลว่าในพื้นที่ใดบ้าง และมีกี่เปอร์เซนต์ที่เด็กยังไม่มีอุปกรณ์ในการเรียนการสอนหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการที่ไม่เปิดสอนที่โรงเรียน
รมว.ศธ.กล่าวถึงกรณีเด็กต่างจังหวัดที่สอบติดโรงเรียนดังๆ ในเมืองนั้น หากเปิดภาคเรียนวันที่ 1 ก.ค.นี้ กรณีเด็กที่มาจากนอกพื้นที่ ก็อยากให้มีการกักตัวในพื้นที่ก่อน 14 วัน ช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ เพื่อความมั่นใจ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้นก็แล้วแต่ทางโรงเรียนที่จะตรวจสอบข้อมูล ขณะนี้ถ้าดูแล้วว่าไม่มีเชื้ออยู่ในประเทศไทยเลยเป็นเวลา 14 วัน แล้วการเคลื่อนคนภายในประเทศ หากพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ก็น่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าประมาทและอย่าลดการ์ด และอย่าคิดว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดรอบ 2 หรือรอบ 3 เพราะเราก็เห็นตัวอย่างจากหลายๆประเทศแล้ว บางคนมีเชื้ออยู่แต่ไม่แสดงอาการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูตามสถานการณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี