“สมศักดิ์” เดินหน้า “นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์” ดึงอดีตข้าราชการระดับสูง อธิบดีกรมต่างๆร่วมคิด “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” โผล่ร่วมอนุกรรมการ ยันเดินหน้าสร้างอาชีพเฉพาะด้านให้ผู้ต้องขังมีที่ยืนในสังคม เมื่อออกจากเรือนจำ เล็งภาคตะวันออกเป็นโมเดล หลังพบวิกฤติขาดแรงงาน
15 มิถุนายน 2563 ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 1 ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) พร้อมด้วยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทาง ออกแบบโครงสร้าง และการบริหารจัดการเรือนจำอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมเพื่อแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง หรือนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ โดยมีอดีตราชการระดับสูง ตัวแทนภาคส่วนต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ น.ส. สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย , นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม , นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มต้นแนวคิดมาจากการแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นคุกที่มีจำนวนมากถึง 380,000 ราย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเดินหน้าแก้ไขไปแล้วบางส่วน โดยการสร้างเรือนนอน 2 ชั้น เพื่อลดความแออัดในการนอน ขณะนี้การจัดซื้อกำไลอีเอ็มเพิ่งกำลังจะแล้วเสร็จถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยได้อีกทาง แต่สิ่งที่ตนเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่ง คือ เมื่อผู้ต้องขังออกจากเรือนจำแล้วไม่สามารถหางานทำได้ก็จะกลับไปกระทำผิดซ้ำ ชีวิตจึงวนเวียนอยู่แค่นี้ และพบว่าผู้ต้องขังออกไป 3 ปี จะกลับเข้ามาเรือนจำประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์
ต่อมาเมื่อตนได้ไปตรวจงานที่ จ.นราธิวาส พบโครงการนำร่องชุมชนกาลาตาแป จึงหาทางต่อยอดเพื่อให้ผู้ต้องขังได้ฝึกอาชีพเฉพาะด้าน ทั้งเรื่องเกษตรกรรม อุตสาหกรรม เมื่อออกจากเรือนจำจะได้มีความสามารถเฉพาะด้าน ทำให้ผู้ต้องขังเหล่านี้มีงานทำ มีที่ยืนในสังคม เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และจากนี้ไปตนจะพยายามพัฒนาแม้รู้ว่ามันยากแต่ต้องทำให้สำเร็จเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการแก้ปัญหาทางสังคม
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมเห็นควรตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษารูปแบบนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ คาดใช้เวลา 3-6 เดือน และจ้างมหาวิทยาลัยมาศึกษาการบริหารจัดการต่างๆ เพื่อหาข้อบกพร่อง โดยมีเกณฑ์คัดเลือกผู้ต้องขังต้องเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม กำหนดพ้นโทษไม่เกิน 2 ปี ซึ่งมีจำนวนกว่า 6.7 หมื่นราย แต่ช่วงเริ่มโครงการคัดเลือกเข้าร่วมประมาณ 3,000 คน
ส่วนพื้นที่ในการก่อสร้าง งบประมาณ หรือการพูดคุยกับภาคธุรกิจ ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยอาจะมีการเช่าใช้พื้นที่ราชพัสดุ หรือการจัดซื้อที่ดินว่างเปล่า เพื่อสร้างนิคมฯ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 เดือนในพิจารณาความเป็นไปได้ว่าจะเริ่มดำเนินการได้หรือไม่และในช่วงใด รวมถึงการทำฐานข้อมูลของแรงงานว่ามีอะไรที่ยังขาด เพื่อการผลิตแรงงานออกมาจะได้ไม่ล้นตลาดจนเกิดการว่างงานซ้ำ การวางนิคมอุตสาหกรรมในแต่ละภาคให้เหมาะสมกับภูมิภาค การจัดคนฝึกสอนอาชีพให้เพียงพอ การบริหารจัดการให้ยั่งยืนนั้นจะทำอย่างไร การสร้างทัศนคติใหม่ในการมองนักโทษเมื่อพ้นโทษกลับออกไปสู่สังคม
“ทำไมเราต้องปลูกผักปลูกหญ้า ทำไมต้องมาเลี้ยง หมู ไก่ ปลา เพราะตอนนี้กรมราชทัณฑ์ซื้อวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้ผู้ต้องขังทาน ใช้งบต่อปี คือ 4,000-5,000 ล้านบาท หากเราปลูกเอง ก็อาจช่วยลดงบประมาณตรงส่วนนี้ได้บ้าง แต่จากนี้ยังคงต้องดูว่าเรือนจำใดอยู่ใกล้แหล่งน้ำบ้าง เพื่อจะได้วางแผนในการปลูกว่าจะทำอย่างไรถึงจะมีผลผลิตที่สม่ำเสมอ เราจะเริ่มต้นโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ที่ภาคตะวันออกเพราะตรงจุดนั้นเป็นจุดที่ขาดแรงงาน ขอยืนยันให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องขังทราบว่าเราตั้งใจที่จะทำให้ผู้ต้องขังมีอาชีพที่ยั่งยืน มีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อพ้นโทษออกจากเรือนจำและไม่กลับเข้าสู่เรือนจำแบบวนเวียนอีก” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการตั้ง ดร.โฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธานอนุกรรมการศึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ โดยมีตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นคณะอนุกรรมการ
ส่วนคณะที่ปรึกษาอนุกรรมการจะมี นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ นางอัญชลี ชวณิชย์ นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร
นอกจากบุคคลดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังปรากฏรายชื่อนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางเมืองมีคำพิพากษาจำคุก นายสุพจน์ เป็นเวลา 10 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ในคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี