ยางพารา เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก แต่จากถานการณ์ที่ผ่านมาจนถึง ณ ปัจจุบัน พี่น้องชาวสวนยางพารายังประสบปัญหาที่สำคัญและยังไม่สามารถแก้ไขให้เบ็ดเสร็จได้คือ ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อปากท้องของเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราต่อเนื่องมานานหลายปี โดยปัญหาราคายางพาราตกต่ำมีสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัย ส่วนหนึ่งเกิดจากที่เราพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก ดังนั้น หากจะแก้ไข และให้เกิดความยั่งยืนจริงๆ ก็ต้องเริ่มต้นจากการลดการพึ่งพาการส่งออก แล้วหันมาช่วยกันเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นพร้อมๆ ไปกับการปรับสมดุล ลดปริมาณ (supply) ยางพาราลงด้วย โดยการส่งเสริมการใช้ยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพาราในทุกรูปแบบ ควรจะต้องเริ่มจากหน่วยงานต่างๆของภาครัฐก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยขยายผลไปสู่ตลาดหรืออุตสาหกรรมต่างๆ
สำหรับการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศนั้น ที่ผ่านมามีหลายโครงการ แต่ก็ยังขาดความต่อเนื่อง และล่าสุดรัฐบาลได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงเส้นทางคมนาคม เพื่อลดการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางหลวง ด้วยการมุ่งเน้นให้ใช้น้ำยางพาราเป็นวัสดุในการปรับปรุง ก่อสร้างทาง เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรโดยตรง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม เรื่อง อุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานและสักขีพยานด้วยตัวเอง ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับการลงนามดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราของภาครัฐ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้จะเป็นการซื้อน้ำยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางผ่านสหกรณ์การเกษตร เพื่อร่วมมือในการนำอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา ได้แก่ แผ่นธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier : RFB) และหลักนำทางจากยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) สำหรับนำไปใช้ประโยชน์เป็นอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยในหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางถนน และส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2563 - 11 มิถุนายน 2568 และเมื่อครบกำหนด ทั้ง 2 หน่วยงานอาจเจรจาตกลงกันเพื่อขยายระยะเวลาการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงนี้ต่อไปได้ โดยกระทรวงเกษตรฯ จะทำหน้าที่กำกับคุณภาพในการผลิตอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา พร้อมทั้งคัดเลือกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ที่กระทรวงรับรองให้เข้าร่วมโครงการ โดยปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจยางพารา 661 แห่ง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการผลิตยางพารารูปแบบต่างๆ ประมาณ 475,058 ตัน/ปี คิดเป็นปริมาณ 57% จากผลผลิตทั้งหมดของสมาชิกสหกรณ์ที่ประกอบอาชีพสวนยางพารา รวม 355,181 ราย ซึ่งมีสมาชิกในครัวเรือนที่ได้รับผลประโยชน์ จำนวน 1,420,724 ราย...ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะลดความสูญเสียสร้างผลตอบแทนเป็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่ไม่อาจประเมินค่าได้แล้วที่สำคัญยังจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางไทยได้อีกระดับหนึ่ง ...
สุธิพงศ์ ถิ่นเขาน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี