กองปราบบุก14จว.
จับแก๊งผลิตปืนเถื่อน
รวบ9คนคาของกลาง
ลอบส่งขายออนไลน์
กองปราบฯลุยตรวจค้น 31 เป้าหมายใน 14 จังหวัด ทลายแก๊งผลิต-ขายอาวุธปืนเถื่อน จับกุม 9 ผู้ต้องหา ยึดปืน 11 กระบอก กระสุนเพียบคุม 5 ผู้ต้องสงสัย มีเอี่ยวเร่งขยายผล หาความเชื่อมโยงก่อคดี
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 18 มิถุนายน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป.นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำหมายค้นศาลอาญา กระจายกำลังกันเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 31 จุด ใน 14 จังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระแก้ว ตาก ชลบุรี ราชบุรี โคราช สุราษฎร์ธานี ฯลฯ เพื่อติดตามจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายสำคัญ คือที่บ้านเลขที่ 90/558 หมู่บ้านปิยวรารมย์ 2 หมู่ 6 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นที่กบดานของนายปริญญา เอี่ยมละมัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีร่วมกันทำและมีอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนให้ผู้ที่ไมได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน และเป็นอั้งยี่ โดยเจ้าหน้าที่พบว่าบ้านดังกล่าวเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด
จากการเข้าปิดล้อมและตรวจค้น พบตัวนายปริญญา จึงควบคุมตัวไว้โดยละม่อม เบื้องต้นรับสารภาพว่า ได้เปิดกลุ่มในแอพพลิเคชั่นไลน์ ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ผลิตอาวุธปืน ส่วนการตรวจค้นภายในบ้าน พบปืน 2 กระบอก ซึ่งเป็นปืนที่ใช้เสนอขายทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนและคุมตัวนายปริญญา ไว้ดำเนินคดี โดยจะมีการสรุปผลปฏิบัติการร่วมกับการเข้าจู่โจมตรวจค้นในจุดอื่นๆ ที่ บก.ป.
ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.พร้อมคณะ แถลงจับกุมเครือข่ายผู้ค้าอาวุธปืนผ่านทางสื่อออนไลน์ จากปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้น 31 จุด พร้อมกันดังกล่าว โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 9 ราย ประกอบด้วย นายปริญญา เอี่ยมละมัย อายุ 38 ปี นายพัฒนะ การะเกตุ อายุ 37 ปี นายเทพพร แก้วพระอินทร์ อายุ 31 ปี นายสมยศ อยู่เจริญ อายุ 22 ปี นายวรายุ กะลำพา อายุ 30 ปี นายศรศักดิ์ นาระหัส อายุ 32 ปี นายสิธร ศรีใส อายุ 27 ปี นายวรวุฒิ พิมพ์สา อายุ 29 ปี และนายธนพัฒน์ ค้องรัมย์ อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืน 11 รายการ และกระสุนอีก 600 นัด รวมทั้งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดรวมกว่า 100 รายการ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า เมื่อปี 2562 ทางตำรวจ บก.ป.ได้รับแจ้งว่ามี “แก๊งบันไรกัน” ได้สาธิตการใช้อาวุธปืนผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป และโฆษณาขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาหลักหมื่นบาท ทาง พล.ต.ต.จิรภพ จึงสั่งการให้เร่งสืบสวนติดตาม กระทั่งได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนจะขออำนาจศาลออกหมายจับ และในวันเดียวกันนี้ ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุมในพื้นที่เป้าหมาย จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้งหมด
จากการสืบสวนพบว่าพฤติกรรมของขบวนการนี้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.แอดมินกลุ่มไลน์ ทำหน้าที่จัดหาเสนอขายและรีวิวอาวุธปืน 2.ผู้ผลิต จะจัดทำสินค้าตามที่มารายการสั่งเข้ามาผ่านแอดมิน 3.ผู้จัดส่งสินค้าผ่านทางบริษัทเอกชนและ 4.ฝ่ายบัญชี นอกจากนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่อีก 5ราย ไว้สอบสวนหลังจากพบความเชื่อมโยง โดยจะตรวจสอบว่าทั้งหมด ทำหน้าที่อะไร เพราะมีการโอนเงินให้นายหน้าที่ขายอาวุธปืนในกลุ่มดังกล่าว ซึ่ง 1ใน5ทำหน้าที่ปล่อยเงินกู้ให้ผู้ที่สนใจจะซื้อปืนด้วย ก่อนจะขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน และเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารที่ถูกใช้กระทำผิด รวมทั้งอาวุธปืนที่มีการซื้อ ขายนั้นได้ถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดในคดีใดหรือไม่
พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า การซื้อขายหรือผลิตอาวุธปืนต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงบีบีกันที่นำมาดัดแปลงก็ถือเป็นอาวุธปืน ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 10ปี จึงฝากเตือนผู้ที่คิดจะกระทำการดังกล่าวให้ล้มเลิกความคิด หรือหยุดพฤติการณ์เพราะเข้าข่ายต้องถูกจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี