21 มิถุนายน 2563 “น้องเอิร์ธ” นายกฤตเมธ สายแสน หนุ่มน้อยยอดกตัญญูวัย 18 ปี นักเรียน ม.6 โรงเรียนห้วยเม็กวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กำพร้าพ่อแม่ อาศัยอยู่กับตายายวัยสูงอายุเฉียด 80 ปี ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมภายใต้สถานการณ์โควิด-19 วาดภาพสีอะคริลิคบนผ้าใบ หารายได้เลี้ยงครอบครัวและเก็บออมเป็นทุนเรียนต่อ เผยใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก วาดภาพขายหาทุนศึกษาต่อสถาบันอาศรมศิลป์ แต่คงสิ้นหวังเนื่องฐานะยากจน ไม่อยากเป็นหนี้ กยศ.และขายนาเรียน
21 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายธวัชชัย สำราญวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนห้วยเม็กวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า มีลูกศิษย์ซึ่งเป็นนักเรียนชายคนหนึ่ง อาศัยอยู่กับตายาย ที่บ้านหาดทรายมูล ต.พิมูล อ.ห้วยเม็ก โดยใช้ช่วงเวลาปิดเทอมวาดภาพและสร้างสรรค์ผลงานจำหน่ายได้หลายชิ้น ที่สำคัญเป็นผลงานการวาดภาพที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เป็นพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัว โดยมีแรงบันดาลใจจากความเป็นเด็กในชนบท ที่ผูกพันกับครอบครัวและสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อผลงานไปก็ชื่นชอบ ยอมซื้อให้ราคาสูงถึงชิ้นละ 2,000 บาท ทั้งนี้ ลูกศิษย์คนดังกล่าวมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นสถาปนิก โดยอยากศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ที่สถาบันอาศรมศิลป์ แต่ยังไม่มีความพร้อมด้านทุนการศึกษา จึงวาดภาพขายและช่วยตายายทำนา
ผู้สื่อข่าว จึงได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 59 บ้านหาดทรายมูล ต.พิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายดิเรก ภูอวด 77 ปี และนางฟอง ภูอวด 75 ปี สองสามีภรรยา และพบน้องเอิร์ธ หรือนายกฤตเมธ สายแสน อายุ 18 ปี กำลังนั่งวาดภาพและระบายสีลงผืนแผ่นผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน ขณะที่มีผลงานที่วาดเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นภาพทิวทัศน์สวยงาม สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ธรรมชาติ และวิถีชุมชน ซึ่งรอลูกค้ามารับตั้งโชว์อยู่อีกหลายแผ่น
นายเจริญ ภูอวด สมาชิก อบต.บ้านหาดทรายมูล ลุงน้องเอิร์ธกล่าวว่า ทุกวันนี้ น้องเอิร์ธอาศัยอยู่กับตายาย และน้องชาย 1 คน โดยแม่เสียชีวิตแล้ว 2 ปี พ่อไปมีครอบครัวใหม่ ขณะที่น้องชายน้องเอิร์ธซึ่งจบ ม.3 ก็ไปบวชเรียนหน้าที่การดูแลตายายที่สูงอายุมากแล้ว รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต และการศึกษา จึงเป็นหน้าที่ของน้องเอิร์ธที่จะจัดการเองทั้งหมด โชคดีที่สุขภาพตายายสมบูรณ์ แข็งแรง จึงไม่เป็นภาระให้กับน้องเอิร์ธ ซึ่งญาติพี่น้องก็คอยดูแลและช่วยเหลือกันบ้างตามอัตภาพ ทั้งในส่วนของอาหารการกินบ้าง ช่วยทำนาบ้าง อย่างไรก็ตามถือว่าน้องเอิร์ธเป็นเดกยอดกตัญญู ไม่เคยเกเรมีความรับผิดชอบสูงมาก
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่แม่น้องเอิร์ธนอนรักษาที่โรงพยาบาลนั้น น้องเอิร์ธกับน้องชาย ต้องผลัดกันไปเฝ้าแม่ และจำเป็นต้องขาดโรงเรียนสลับกันคนละ 2 วัน แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่างหารายได้เริม ด้วยการวาดภาพขายให้กับเพื่อนๆ และชาวบ้าน ทราบว่าทีแรกเริ่มจากวาดภาพระบายสีในแผ่นกระดาษ ขายแผ่นละ 20-50 บาท พอรู้จักกันแพร่หลายและเห็นความตั้งใจ รวมทั้งอยากให้น้องเอิร์ธมีรายได้ ชาวบ้านในชุมชนและเด็กนักเรียนก็ช่วยกันอุดหนุน ทำให้น้องเอิร์ธมีการพัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับ และวาดภาพออกมาดี ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าจิตรกรมืออาชีพเลย
ด้าน น้องเอิร์ธ นายกฤตเมธ สายแสน หนุ่มน้อยยอดกตัญญูวัย 18 ปี กล่าวว่า ตนสนใจการวาดภาพมาตั้งแต่เด็กก่อนที่จะมาเริ่มอย่างจริงจังตอนเรียน ม.2 ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ที่สอนวิชาศิลปะ เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันหลายกิจกรรม และได้รับรางวัลมาเรื่อยๆ จึงเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ และมีใจรักงานด้านศิลปะการวาดภาพ ทั้งนี้ ภาพที่ตนถนัดจะเป็นภาพเกี่ยวกับเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ วิถีชุมชน เพราะมีอิสระทางความคิด วาดไปตามจินตนาการผสมผสานกับเทคนิค ที่ศึกษาเพิ่มเติมจากยูทูป และหลักการที่อาจารย์สอนศิลปะสอนให้
น้องเอิร์ธ กล่าวอีกว่า จากการที่ตนได้ซึมซับศิลปะการวาดภาพ และได้รับกำลังใจจากตา ยาย ครู เพื่อนๆ รวมทั้งชาวบ้าน จึงตั้งความหวังอยากศึกษาต่อด้านสถาปนิกและสิ่งแวดล้อมที่สถาบันอาศรมศิลป์ เพื่อนำความรู้มาพัฒนาชุมชนด้านสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเสื่อมโทรมให้ฟื้นกลับมา เพราะสิ่งแวดล้อม มีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาก แต่จากสภาพปัจจุบันที่สิ่งแวดล้อมถูกบุกรุกทำลายไป ทำให้เกิดความเสียหายหลายด้าน ทั้งเกิดภาวะโลกร้อน สภาพอากาศวิปริต บางปีฝนทิ้งช่วง เกิดภัยแล้ง บางปีพายุแรง น้ำท่วม เป็นต้น
ทุกวันนี้ตนมีความมุ่งมั่นในการวาดภาพขาย โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมยาว เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตนจึงทุ่มเทกับการวาดวาดภาพด้วยสีอะคริลิคบนผ้าใบ เพราะวาดเเล้วรูปไม่จำเป็นต้องอัดกรอบ นำไปเเขวนได้เลย แผ่นภาพที่วาดออกมาจะมีความตึงได้ยับเหมือนกระดาษ สามารถเคลื่อนย้ายรูปได้ง่ายและสะดวก คุณภาพของภาพที่ใช้สีอะคริลิคจึงคงทนนานปี โดยสีไม่ตก ลูกค้าจึงชื่นชอบ ซึ่งแต่ละภาพใช้เวลาไม่นานนัก หากมีเวลาให้กับมันอย่างเต็มที่ บางภาพวันเดียวก็เสร็จ ขึ้นอยู่กับการลงรายละเอียดของภาพ โดยทำขายหลายราคา ตามที่ลูกค้าต้องการ เฉลี่ยชิ้นละ 2,000 บาท นับรวมมีรายได้จากการวาดภาพขายประมาณ 20,000 บาท หรือประมาณ 10 ชิ้น ทั้งนี้ ก็ยังจะวาดภาพขายต่อไป เพื่อมีรายได้เก็บออมเป็นทุนการศึกษาที่สถาบันอาศรมศิลป์ดังกล่าว
น้องเอิร์ธ กล่าวในตอนท้ายว่า อย่างไรก็ตาม คิดว่ารายได้จากการวาดภาพขาย ซึ่งไม่แน่นอน และหากเปิดเทอมปีการศึกษา 2563 เวลาวาดภาพคงเหลือน้อย และคงจะไม่มีทุนการศึกษาต่อที่สถาบันอาศรมศิลป์แน่นอน หากจะให้ยืม กยศ.ก็ไม่ใช่แนวคิดของตนและหากยืมได้ก็คงจะไม่เพียงพอ เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายในการศึกษานั้นสูงมาก ภาคเรียนแรกประมาณ 60,000 บาท ภาคเรียนต่อๆไป 50,000 บาท หรือ 40,000 บาท ซึ่งจะต้องเรียนถึง 5 ปี หรือ 10 เทอม ก็คงจะไม่มีเงินเรียนแต่นอน หรือจะให้ตายายขายที่นา ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของครอบครัวก็เป็นไปไม่ได้ หรือถึงแม้ตากับยายอยากจะขายให้ตนเรียน แต่ตนจะไม่ยอมให้ขายแน่นอน เพราะตนรักธรรมชาติ รักสิ่งของที่เป็นมรดกของตระกูล ถึงจะมีความฝันอยากไปตามฝันดังกล่าว เมื่อไม่มีทุนเรียนก็คงจะตัดใจ ก่อนอื่นขอให้เรียนจบ ม.6 และเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ วาดภาพขายและช่วยตายายทำนา
อย่างไรก็ตาม ทั้งคณะครู เพื่อนๆและชาวบ้าน เห็นความสามารถและเห็นความตั้งใจของน้องเอิร์ธ ที่อยากศึกษาต่อที่สถาบันอาศรมศิลป์ดังกล่าว แต่ยังไม่พร้อมเรื่องทุนการศึกษา ก็ได้แต่ให้กำลังใจและช่วยหาลูกค้ามาสั่งวาดภาพให้ เผื่อจะได้เงินสะสมเป็นทุนการศึกษา เป็นสถาปนิกและสิ่งแวดล้อม ที่จบจากสถาบันอาศรมศิลป์ในด้านที่น้องเอิร์ธใฝ่ฝั
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี