‘บรรยิน’อ่วม
ตร.เตรียมแจ้งเพิ่มอีก4ข้อหา
ปัดบงการวางแผนแหกคุก
โอดถูก‘ตีตรวน-ขังเดี่ยว’
“บรรยิน”ปฏิเสธข่าวบงการแหกคุก บอกไม่รู้เรื่อง ถูกตีตรวนขังเดี่ยวเยี่ยงสัตว์อยู่ในเรือนจำ ขณะที่ กองปราบฯเตรียมแจ้งอีก 4 ข้อหา ออกหมายเรียกคนสนิท-ทนายให้การสัปดาห์นี้พร้อมส่งหน่วยอนุมานคุมตัวเข้มขึ้นศาลคดีอุ้มฆ่า พี่ชายผู้พิพากษา
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์ พร้อมชุดอนุมานกองปราบ เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งที่มีข่าวว่าได้วางเเผนจะเเหกคุก จากเรือนจำบางขวาง ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี โดยมีขบวนรถปิดหัวปิดท้ายคุ้มกันอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันเหตุร้าย
การขึ้นศาลของ พ.ต.ท.บรรยิน หนนี้ ศาลเปิดบัลลังก์เวลา 10.00 น.ตรวจพยานหลักฐานในส่วนของ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 หมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด เมื่อช่วงเดือน ก.พ.63 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมพวกรวม6คน ในความผิด 9 ข้อหา ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับร่างกาย และชีวิต ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ทางศาลห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้าอยู่ในห้องพิจารณา ยกเว้นบุคคลที่กฎหมายกำหนดเข้าอยู่ในห้องพิจารณา
ต่อมา น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ อดีตผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ที่พี่ชายถูกอุ้มมาศาล ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ โดยทางศาลอนุญาตให้น.ส.พนิดาเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ฯ และร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ
ต่อมาศาลสอบคำให้การจำเลยที่ 1 โดย จำเลยที่ 1 แถลงให้การปฏิเสธ อ้างว่าถูกจำเลยที่2-6 กลั่นแกล้งใสร้าย ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเจ้าหน้าที่ได้ควบคุม พ.ต.ท.บรรยิน เข้ามายังห้องพิจารณาคดี ด้วยชุดผู้ต้องขังติดตรวนข้อเท้า สวมหน้ากากอนามัย มีสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีปกติ ก่อนนั่งปรึกษากับทีมทนายความ 3 คน โดยยังมีตำรวจจากหน่วยหนุมาน และเจ้าพนักงานตำรวจศาล นั่งกระจายรอบๆ ห้องพิจารณา
โดย พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงด้วยว่า ตนอยู่ในเรือนจำไม่มีที่เก็บเอกสาร ไม่ได้อ่านสำนวนเลย ตนถูกจับขังเดี่ยว ถูกใส่ตรวนตลอดเวลา ปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ ตนไม่มีโอกาสดูเอกสารทั้ง 10 แฟ้ม จะให้ทนายทำให้ ตนก็จะเสียเปรียบ เพราะทนายไม่ได้ไปอุ้มกับตนด้วย รวมทั้งหลักฐานที่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบ ถ้าได้ประกันตัวตนรับได้ เนื่องจากตนต้องไปสืบพยานที่ศาลอาญาพระโขนงทุกสัปดาห์ ตนต้องเตรียมต่อสู้คดีนั้น จนไม่ได้มาสนใจคดีนี้
ส่วนข่าวเรื่องตนจะแหกคุก นั้นตนไม่รู้เรื่อง ตนอยู่ในเรือนจำ ถูกพันธนาการตลอดจนเครียดมากถึงขั้นผูกคอตาย จะทำได้อย่างไร
หลังแล้วเสร็จกระบวนการตรวจสอบพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ได้นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน เดินทางกลับเรือนจำบางขวาง ได้หันมาชู3นิ้วสัญญลักษณ์ “โอเค” ให้กับสื่อมวลชนที่รอบันทึกภาพ
วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวภายหลังประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนกรณี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ วางแผนแหกคุกว่ามีความชัดเจนเรื่องขบวนการเตรียมชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ระหว่างคุมตัวไปศาลจริง โดยมีพยานหลักฐานทั้งวัตถุเเละบุคคล ไม่ใช่แค่คำให้การของนายโจ และนายท็อปเท่านั้น
เบื้องต้นเตรียมแจ้ง 4 ข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.บรรยิน ประกอบด้วยเป็นผู้ใช้ จ้างวาน สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด, กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง, ส่วนพฤติการณ์เตรียมไปลักพาตัวภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำเพื่อใช้ต่อรอง นั้นเข้าข่ายข่มขืนใจเจ้าพนักงาน และหน่วงเหนี่ยวกักขัง แม้เหตุการณ์จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ถือว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีเจตนาที่จะก่อเหตุจริง ถือว่ามีความผิดต้องรับโทษ 1 ใน 3 โดยพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.บรรยิน โดยตั้งเป็นคดีใหม่
รองผู้บังคับการปราบปราม ยังกล่าวถึง แผนการวางระเบิดข้างเรือนจำ ก่อนล้มเสาธงปีนออกมา เพื่อหนีขึ้นเฮลิคอปเตอร์ว่า ตำรวจไม่ได้ให้น้ำหนัก เพราะไม่ได้มีหลักฐานเพียงพอสำหรับประเด็นนี้ เข้าใจว่าเป็นเพียงการพูดกล่าวอ้างขึ้น และยังไม่พบผู้ร่วมขบวนการรายอื่นเพราะจากการสอบปากคำ นายโจ ระบุว่าตนเองเข้าใจว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีทีมงานไว้แล้ว แต่เมื่อติดต่อไปยังอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ กลับได้รับคำการปฏิเสธ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ และทนายความที่ช่วยประกันตัวนายโจ มาให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้
ทางด้าน นายบัญชา ชัยจำ ทนายความของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ตกเป็นจำเลยคดีฆาตรกรรมนายชูวงษ์ เเซ่ตั๊ง นักธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่ กล่าวถึงกรณีมีข่าว พ.ต.ท.บรรยินจะหลบหนีออกจากเรือนจำโดยมีทนายความประกันตัวผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้ไปตระเตรียมการว่า ตนไม่ทราบว่าทนายดังกล่าวเป็นใคร เเต่ไม่ใช่ตน เพราะตนดูเเลคดี พ.ต.ท.บรรยิน เฉพาะของเสี่ยชูวงษ์ที่ศาลอาญาพระโขนง เเละไม่รู้จักทนายคนดังกล่าวว่าชื่ออะไรด้วย
ส่วนคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดสืบพยานโจทก์ที่ศาลอาญาพระโขนงต่อเนื่องทุกวันอังคารเเละพุธของทุกสัปดาห์ โดยคดีนี้ทางโจทก์เสนอบัญชีพยานกว่า100ปาก ส่วนจำเลยเสนอพยานกว่า10ปากโดยศาลนัดสืบถึงช่วงเดือนตุลาคมนี้
เมื่อถามย้ำว่ารู้จักทนายคนดังกล่าวที่ถูกอ้างว่าประกันตัวนักโทษช่วยหลบหนีหรือไม่ เเละใครเป็นทนายดูเเลคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา นายบัญชาตอบว่าไม่รู้จักทนายที่ถูกอ้างว่าไปประกันตัวผู้ต้องขังส่วนทนายที่ดูเเลคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเป็นหนึ่งในทีมทนายเเต่ตนไม่รู้จักชื่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี