ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ได้จับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน ที่บริเวณโรงแรมรามาการ์เด้น ในช่องทางด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยหนึ่งในนั้นมีนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง รวมอยู่ด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จึงส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดพ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหาคือความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ตามสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี ส่งมาให้ ส่วนเยาวชนที่อายุ 14 ปีได้คุมตัวส่งศาลเยาวชนไปก่อนหน้านี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังอยู่ในความควบคุม 7 คน หากจะยื่นขอประกันตัวสามารถทำได้ ผู้ที่ยื่นประกันตัว พนักงานสอบสวนจะนัดหมายเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาลอีกครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับคำให้การ หากรับสารภาพก็สามารถฟ้องด้วยวาจาได้ทันที แต่หากให้การปฏิเสธต้องต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
ส่วนกรณีการตั้งข้อสังเกตว่า เบนซ์ เรซซิ่ง ยังอยู่ระหว่างถูกควบคุมโดยการใส่กำไลคุมประพฤติ ตามเงื่อนไขการยื่นขอประกันตัวต่อศาลอาญาหรือไม่นั้น พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า ตำรวจได้สอบถามเบนซ์ เรซซิ่งแล้วยืนยันว่า ปัจจุบันไม่ได้ใส่กำไลคุมประพฤติ โดยอ้างปัญหาเรื่องต้องชาร์ตไฟกำไลฯบ่อย
ขณะที่เบนซ์ เรซซิ่ง กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หลังกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่ย่านดอนเมือง ทั้งหมดใช้เส้นทางกลับบ้านเดียวกัน ใช้ความเร็วรถปกติ ยอมรับส่วนที่กระทำผิดคือ ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในช่องทางหลัก หรือ ช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนป้ายสัญญาณจราจร ส่วนความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้การปฏิเสธ เพราะตนกับเพื่อนไม่ได้มีเจตนารวมตัวแข่งรถซิ่ง อีกทั้งระหว่างถูกจับกุมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและตนไม่ได้ตกใจเพราะบริสุทธิ์ใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ได้เซ็นอนุญาตให้ประกันตัวออกไปโดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 4 หมื่นบาท และนัดนำตัวทั้งหมดฟ้องศาลพร้อมกันที่ศาลแขวงดอนเมือง เวลา 10.00 น.วันที่ 26 มิ.ย.นี้
ด้านนายสุริยันต์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่า ตามเงื่อนไขที่ขอประกันตัว เบนซ์ เรซซิ่ง ได้ยื่นความจำนงขอใส่กำไลคุมประพฤติ ประกอบหลักทรัพย์เพื่อยืนยันไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ดังนั้นตามหลักเกณฑ์แล้ว จึงยังต้องใส่กำไลฯไว้ติดตัวตลอดเวลา และหากมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่มีกำลังไฟฟ้าอ่อน ก็ต้องนำมาเปลี่ยนที่ศาลเท่านั้น ผู้ที่ใส่ไม่สามารถถอดกำไลออกเองได้ หากฝ่าฝืนดำเนินการเอง จะถูกดำเนินคดีเพิ่ม ซึ่งกรณีนี้จะมีการสอบสวนกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี