ตำรวจกองปราบปราม กัน“โจ-ท๊อป”ลูกน้อง“บรรยิน”เป็นพยานแผนแหกคุก ก่อนเข้าไปสอบพยานในเรือนจำ
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่า ตอนนี้มีความคืบหน้าทางคดีไปมาก แต่ยังต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะ โดยในวันนี้ (25มิถุนายน) พนักงานสอบสวนได้เข้าสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องภายในเรือนจำ ซึ่งเป็นผู้ที่รับรู้และมีข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยเมื่อวานนี้ได้สอบพยานสำคัญที่มีผลต่อรูปคดีไป 2-3ปาก จึงมั่นใจว่า จะสามารถจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเชิญภรรยาของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาเป็นผู้เสียหายร่วมหรือไม่นั้น จากการพิจารณาพบว่าการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น เป็นความผิดที่เกิดกับผู้บัญชาการเรือนจำ และเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานของรัฐ ยังไม่จำเป็นต้องเชิญตัวมาสอบสวนในฐานะผู้เสียหายร่วม แต่หากพนักงานสอบสวนเห็นว่า สำนวนคดียังต้องมีส่วนใดเพิ่มเติม ก็อาจเรียกตัวมาสอบปากคำให้เป็นผู้เสียหายร่วมได้
ทั้งนี้จากการสอบสวนในเบื้องต้นยังไม่พบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการวางแผนแหกคุกครั้งนี้ อีกทั้งจากหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้พบว่าผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวมีไม่มาก ส่วนนายสุธน หรือโจ ทองศิริ อายุ 42ปีและนายณัฐพล หรือท๊อป นรการ อายุ 30ปี ลูกน้อง พ.ต.ท.บรรยิน ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้จากคดีติดตัวตามหมายจับค้างเก่า เป็นเพียงผู้ถูกใช้หรือผู้รับรู้เหตุการณ์ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้กันไว้เป็นพยาน ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี